“วราวุธ” ผงาดนั่งหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาคนใหม่

.ลั่นไม่ใช่พรรคของตระกูลใด ทำงานด้วยเหตุผล 

.ไม่มีใครบงการแข็งแกร่งแต่ไม่แข็งกร้าว 

.ยกพ่อสั่งสอนดูแลทุกคนเป็นครอบครัว 

วันนี้ (3 ต.ค.) ที่รร.มิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น ถ.วิภาวดี กรุงเทพฯ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) จัดการประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 2/2565 เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุดใหม่ภายหลังจาก น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2565 โดยผู้มีเสนอชื่อนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคโดยไม่มีการเสนอชื่ออื่น ก่อนที่ที่ประชุมจะลงมติด้วยคะแนน 382 เสียง ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ 

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติเลือกกก.บห. รวม 22 คน ประกอบด้วย นายวราวุธ หัวหน้าพรรค นายอนุรักษ์ จุรีมาศ รองหัวหน้าพรรค นายอนุชา สะสมทรัพย์ รองหัวหน้าพรรค นายวิจิตร พรพฤฒิพันธุ์ รองหัวหน้าพรรค นายสัมพันธ์ แป้นพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค นายยุทธพล อังกินันทน์ รองหัวหน้าพรรค นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค น.ส.ทัศน์ลักษณ์ ปัตตพงศ์ภัช รองเลขาธิการพรรค นายอุดมศักดิ์ ศรีสุทิวา รองเลขาธิการพรรค น.ส.นันทพร ดำรงพงศ์ รองเลขาธิการพรรค นางพวงรัตน์ ชัยบุตร เหรัญญิกพรรค นายพิสิษฐ์ พิทยฐากุลเจริญ นายทะเบียนสมาชิกพรรค นายสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง กรรมการบริหารพรรค นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ กรรมการบริหารพรรค นายนพดล มาตรศรี กรรมการบริหารพรรค นายอุดม โปร่งฟ้า กรรมการบริหารพรรค นายสุรชัย ทิณเกิด กรรมการบริหารพรรค นายอภิวัชร บัวพันธ์ กรรมการบริหารพรรค พ.ต.ท. ปกรณ์ สุชีวกุล กรรมการบริหารพรรค นายพีระวัฒน์ พุ่มทอง กรรมการบริหารพรรค นายพงษ์ศักดิ์ ชมสุวรรณ กรรมการบริหารพรรค อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมยังได้ขยายจำนวน กก.บห. จาก 29 คน เป็น 39 คน เพื่อรองรับในกรณีพรรคขยายตัวใหญ่ขึ้น และให้เกิดความคล่องตัว ซึ่งหลังจากนี้สามารถแต่งตั้ง กก.บห.เข้ามาเพิ่มเติมได้

จากนั้น น.ส.กัญจนา อดีตหัวหน้าพรรค ได้มอบธงพรรคชทพ. ให้กับนายวราวุธ หัวหน้าพรรคคนใหม่ โดยนายวราวุธ เปิดใจภายหลังเข้ารับตำแหน่งว่า ตลอ ดระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่พรรคชาติไทยมาถึงพรรคชทพ. เราทำงานกันมา 48 ปีแล้ว ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ในบ้านเมือง ปีนี้ตนอายุ 49 ปี เรียกว่าเติบโตเคียงบ่าเคียงไหล่กับพรรคตั้งแต่พรรคชาติไทยมา สิ่งที่นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรีทำมา การลงไปรับฟังความเดือดร้อนประชาชน ไม่มีใครสงสัยคนชื่อบรรหาร เพราะรับฟัง ทำจริง แก้ปัญหาจริง ซึ่งเป็นค่านิยมที่เราให้ความสำคัญและปฏิบัติมาถึงทุกวันนี้ 

นายวราวุธ กล่าวว่า นายบรรหารดูแลสมาชิกทุกคน โดยเฉพาะ ส.ส.ของพรรค ดูแลเหมือนครอบครัวตัวเอง อบอุ่น จริงใจ จะดุและให้กำลังใจเหมือนกับคนในครอบครัว เป็นสิ่งที่ทำให้ ส.ส.มีกำลังกายและกำลังใจในการจะออกทำงานให้กับประชาชน นายบรรหารให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก เพราะการดูแลครอบครัวให้อบอุ่นนั้น ท้ายที่สุดคนในครอบครัวจะเป็นคนที่มีคุณภาพสังคม เช่นเดียวกันถ้าพรรคอบอุ่นจะทำให้ ส.ส.เป็นบุคลากรที่สำคัญของประเทศชาติ เป็นแนวปฏิบัติที่ถ่ายทอดมาถึงทุกวันนี้ และยังจะสืบสานปณิธานนี้ต่อไป

“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านตั้งแต่พรรคชาติไทยจนถึง ชทพ. พรรคไม่ใช่ของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง บางคนอาจจะบอกว่านี่ไงพูดไม่ขาดคำเปลี่ยนจากพี่สาวมาเป็นน้องชาย แต่อยากให้ดูว่าก่อนศิลปอาชาเป็นตระกูลอะไร พรรคชาติไทย พรรค ชทพ.แต่ละช่วงเวลาจะมีบ้านใหญ่ดูแล ก่อนนายบรรหาร มี พล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ มาวันนี้เป็นศิลปอาชา ในอนาคตจะเป็นของใครเราตอบไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ ชทพ.ไม่ใช่สมบัติของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง เราทำงานด้วยเหตุผล รับฟังทุกฝ่าย ถ้อยทีถ้อยอาศัย ไม่เคยมีใครและไม่มีคนไหนจะมาครอบคลุมบงการการทำงานของ ชทพ.ได้” นายวราวุธ กล่าว 

นายวราวุธ กล่าวด้วยว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าเราจะรับฟัง และทำจริงไม่ได้โม้ไปวันๆ เพราะต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับพรรค ส.ส.และกรรมการบริหาร เพื่อทำงานตอบสนองประชาชน ประเทศไทยเผชิญปัญหาที่ใหญ่กว่าน้ำท่วมและเศรษฐกิจคือ การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่กระทบต่อชีวิตมนุษย์ ทั้งความเป็นอยู่ เศรษฐกิจและสังคม ดังนั้น ต้องทำเพื่อให้ประชาชนดีขึ้น 

“ที่ผ่านมาพ่อบรรหารดุด่า สั่งสอนให้กับลูกชายคนนี้ วันนี้ตนเข้าใจแล้วว่าพ่อบรรหารเตรียมไว้ให้กับลูกชาย เตรียมไว้ให้นายวราวุธในวันที่พ่อบรรหารไม่อยู่แล้ว ทำอย่างไรให้นายวราวุธได้ทำงานให้กับ ชทพ. และประเทศ แต่นายวราวุธคนนี้คงไม่สามารถทำงานคนเดียวได้ การจะเดินไปข้างหน้าได้จำเป็นต้องมีทีมงาน ชทพ. ต้องทำงานร่วมกัน เชื่อมั่น มีศรัทธาในการทำงาน เรามีความแข็งแกร่งแต่ไมแข็งกร้าว มีความอ่อนน้อม ไม่เคยมีปัญหากับใคร เราศรัทธา เชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย ไม่มีอะไรที่คนไทยทำไม่ได้ ร่วมมือทำงานด้วยกัน จึงจะเป็นจริงได้ เพื่อพัฒนาก้าวย่างต่อไป” นายวราวุธ กล่าว