ลุ้น “เราชนะ” ผ่านครม.วันนี้ คลังชงใช้เงินเยียวยาโควิดรอบใหม่ 210,000 ล้านบาท

  • บัตรคนจน-เคยร่วมเราไม่ทิ้งกัน ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่
  • จ่ายเดือนละ 3,500 บาท รวม 2 เดือน
  • คาดมีผู้เข้าข่าย 31 ล้านคน

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้(19ม.ค.)กระทรวงการคลังจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติมาตรการ”เราชนะ” เพื่อเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19ระลอกใหม่ทั่วประเทศ โดยมาตรการดังกล่าวจะมีการจ่ายเงินเยียวยาจำนวน 3,500 บาท ระยะเวลา 2 เดือน รวมเป็น 7,000 บาท

สำหรับแรงงานที่อยู่นอกระบบ เช่น ผู้ประกอบอาชีพอิสระ เกษตรกร และผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่ต้องไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากอยู่ในบัญชีมากกว่าเรากำหนด คาดจะมีจำนวนผู้เข้าเกณฑ์ประมาณ 31 ล้านคน และจะใช้งบประมาณจำนวนประมาณ 210,000 ล้านบาท

“ในจำนวน 31 ล้านคนนั้น เป็นจำนวนที่เราคาดการณ์ แต่ถ้ามีมากกว่านั้น หรือเข้าเงื่อนไขที่เรากำหนดก็พร้อมจะเยียวยา”

ทั้งนี้ ผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระหรือเกษตรกร หากเป็นผู้ที่มีรายได้สูงก็ถือว่าไม่เข้าเงื่อนไข เพราะบางรายแม้จะประกอบอาชีพอิสระ แต่ก็มีรายได้สูง ดังนั้นจึงต้องกันส่วนนี้ออกไป เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนจริงๆ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มีจำนวนเงินฝากที่ไม่เข้าเงื่อนไขการรับเงินเยียวยานั้น ทางกระทรวงการคลังกำหนดไว้ระดับหนึ่งแล้ว แต่ต้องรอให้ทางคณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อน ซึ่งที่ประชุมอาจจะมีความเห็นที่แตกต่าง

ทั้งนี้เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการดังกล่าวแล้ว จะเปิดให้มีการลงทะเบียนผู้ขอรับเงินเยียวยาผ่าน www.เราชนะ.com อย่างไรก็ตาม​ สำหรับ​ผู้ที่อยู่ในถังข้อมูล​ของกระทรวงการคลังอยู่แล้ว​ หรือ ผู้ที่เคยได้รับเงินเยียวยาในรอบที่แล้ว​ เช่น ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เข้าโครงการ เราไม่ทิ้งกัน เป็นต้น ไม่ต้องเข้ามาลงทะเบียน​ใหม่​ ทั้งนี้ เพื่อลดความยุ่งยากของประชาชน และเมื่อกระทรวงการคลังคัดกรองผู้ที่ผ่านคุณสมบัติแล้ว จะดำเนินการจ่ายเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์

สำหรับงบประมาณที่เราจะใช้เยียวยาในรอบนี้ เราจะนำมาจากพระราชกำหนด(พ.ร.ก.)เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ที่ขณะนี้ ยังเหลืออยู่ประมาณ 470,000 ล้านบาท เมื่อใช้งบสำหรับเยียวยาประมาณ 210,000 ล้านบาท จะเหลืองบสำหรับการดูแลโควิด-19 อีกประมาณ 250,000-260,000 ล้านบาท

“รัฐบาลมองว่า จะสามารถควบคุมการระบาดโควิด-19 ในรอบนี้ได้ ดังนั้น เม็ดเงินเหลือก็น่าจะเพียงพอสำหรับการดูแลในรอบนี้”