ลอนดอนเสนอปิดเมือง 3 สัปดาห์ แต่โดนเบรกหวั่นเศรษฐกิจทรุดหนัก ขยับเตือนภัยขั้นสูงต้านโควิดมีผลเที่ยงคืนวันศุกร์

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า อังกฤษได้ประกาศคุมเข้มกรุงลอนดอนในขั้นสูงหรือระดับสองจากระดับสาม เริ่มมีผลบังคับใช้ในคืนวันศุกร์นี้ ทำให้ชาวลอนดอนและผู้พำนักในเมืองหลวงแห่งนี้ห้ามรวมกลุ่มกันในอาคารกับผู้คนต่างครอบครัว ห้ามรวมกล่มกลางแจ้งเกิน 6 คน รวมทั้งผับ ร้านอาหาร ท่ามกลางการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1 ใน 1,000 คน

“แม็ตต์ แฮนค็อก” รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษ กล่าวว่า เป็นเพียงวิธีเดียวที่จะช่วยปกป้องชีวิตของผู้คนและยังสามารถดำเนินกิจกรรมบางอย่างในชีวิตประจำวันได้ และหากล่าช้าออกไปจะส่งผลกระทบร้ายแรงเศรษฐกิจและทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นด้วย

สำหรับพื้นที่ที่จะเข้าสู่การมาตรการจำกัดระดับสูงในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ได้แก่กรุงลอนดอน, เอสเซ็กซ์ , เอล์มบริดจ์ อินเซอร์เรย์ , บาร์โรว์ อินเฟอร์เนส , คัมเบรีย , ยอร์ก , นอร์ธอีสต์ เดอร์บี้ไชร์ ,เชสเตอร์ฟิลด์ , อีเรวอช , เดอร์บี้ไชร์  ขณะที่ยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าเขตเกรทเตอร์ แมนเชสเตอร์ จะขยับไปอยู่ในระดับสูงสุดหรือไม่

“ซาดี๊ก ข่าน” นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอนกล่าวต่อสภากรุงลอนดอนในวันพฤหัสบดีว่า การต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในลอนดอนได้ดำเนินมาถึงช่วงเวลาวิกฤติแล้ว ผู้ป่วยจำนวนมากต้องเข้ารับการรักษาในห้องไอซียู โรงพยาบาลต่าง ๆ ไม่มีกำลังเพียงพอรองรับผู้ป่วย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเชื่อว่าอีกไม่นานจะมีการประกาศเตือนภัยขั้นสูงสุด

นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอนยังประกาศสนับสนุนมาตรการล็อคดาวน์แบบเด็ดขาดทั่วประเทศที่เรียกว่า “มาตรการตัดวงจร” เป็นเวลาสามสัปดาห์ ซึ่งเสนอโดยองค์กรที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ในกรณีฉุกเฉิน ของอังกฤษ และได้รับการสนับสนุนจากหัวหน้าพรรคแรงงาน เคียร์ สตาร์เมอร์ โดยเชื่อว่ามาตรการนี้จะช่วยรักษาชีวิตประชาชนได้หลายพันคน และทำให้การระบาดกลับสู่ภาวะที่สามารถควบคุมได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน ยังคงปฏิเสธที่จะใช้มาตรการนี้ โดยให้เหตุผลว่าจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจของประเทศมากเกินไป