“ลลิล พร็อพเพอร์ตี้” ปักธงผู้นำตลาดบ้านแนวราบ ประกาศแผนปี 63 ตั้งเป้าโต 13% สร้างรายได้ 5,250 ล้านบาท

  • วางแผนเปิดโครงการใหม่เพิ่มเติม 9 – 11 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 5,500 ล้านบาท
  • หวังปั๊มยอดขายแตะระดับ 6,200 ล้านบาท
  • คาดทิศทางตลาดอสังหาฯปี 63 ทรงตัวใกล้เคียงปี 62 หรือมีโอกาสดีขึ้นเล็กน้อย
  • เผยยังดีมีมาตรการรัฐช่วยหนุน-ดอกเบี้ยที่ต่ำ พยุงตลาดไว้

นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชนเปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยของไทยในปี 2562 ที่ผ่านมา มีการชะลอตัวลง โดยเฉพาะในกลุ่มแนวสูง(คอนโดมิเนียมซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลง  ภาวะหนี้ครัวเรือนที่ทรงตัวในระดับสูง ตลอดจนมาตรการ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ออกมาเพื่อลดการเก็งกำไรในตลาดอสังหาฯ ทำให้ตลาดแนวสูง ที่มีความต้องการซื้อ (Demand) ในกลุ่มการลงทุน และ Speculative อยู่ ได้รับผลกระทบที่มากกว่าตลาดแนวราบ ทั้งนี้บริษัทมีการประเมินและมองเห็นความเสี่ยงตรงจุดนี้มาล่วงหน้า จึงได้หยุดการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมมาแล้วกว่า 2 ปี  โดยหันไปเน้นพัฒนาแต่โครงการแนวราบที่เป็นความต้องการซื้ออยู่จริง จึงทำให้บริษัทยังคงสามารถเติบโตได้ แม้ในภาวะตลาดอสังหาฯ โดยรวมที่ซบเซา    

ในปี 2563 นี้ คาดว่าเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศจะขยายตัวได้ใกล้เคียงกับในปี 2562 หรือดีขึ้นเล็กน้อย หรือขยายตัวได้ราว 3% บวกลบ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ  เม็ดเงินการลงทุนของภาครัฐ ที่จะเข้ามาสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้นในปี 2563 นี้ หลังจากที่มีการล่าช้าไปในปี 2562   ตลอดจนมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ของภาครัฐที่ออกมา และนโยบายสนับสนุนให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ผ่านการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำโดยแบงก์รัฐ ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้ตลาดอสังหาฯของไทยในไตรมาส 1 ปี 2563 ขยายตัวได้ดีขึ้นจากปี 2562 ขณะที่ผู้ประกอบการเองก็จะพยายามกระตุ้นกำลังซื้อผ่านกิจกรรมทางการตลาดอย่างเข้มข้น ทั้งนี้คาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์แนวราบในปี 2563 จะเติบโตได้ที่ 2 – 4%”

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปี 2563 นี้ จะให้ความสำคัญกับตลาดที่อยู่อาศัยในกลุ่มแนวราบ โดยมีแผนขยายโครงการใหม่ทั้งในทำเลใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ ตลอดจนเปิดโครงการใหม่เพื่อทดแทนโครงการเดิมที่ทยอยปิดโครงการ โดยในปี 2563 มีแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 9 – 11 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 5,000 – 5,500 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 6,200 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ที่ 5,250 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นราว 13% จากปี 2562

นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชนกล่าวถึงแผนงานด้านการตลาดว่าในปีนี้ บริษัทจะดำเนินธุรกิจเชิงรุก แสดงศักยภาพขององค์กร รวมถึงการสร้างศักยภาพองค์กรให้เติบโตในตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างมั่นคง โดยเมื่อกล่าวถึงที่อยู่อาศัยแนวราบราคาตั้งแต่ 2 -6 ล้านบาท แบรนด์ลลิล จะต้องเป็น Top of Mind ใน 3 ลำดับแรกของผู้บริโภค

ในปีนี้ จะนำเอากลยุทธ์  Lifestyle Marketing มาสื่อสารกับลูกค้าทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างแม่นยำ  อีกทั้งเป็นการสร้างความจงรักภักดีกับแบรนด์กับลูกค้าเป้าหมาย สร้างความเชื่อมั่นในทุกมิติให้เกิดการแนะนำและบอกต่อ   โดยในปีนี้จะเน้นต่อยอดการใช้สื่อดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง ตลอดจนมีการนำบิ๊กดาต้ามาใช้เพื่อวิเคราะห์และหาพฤติกรรมเชิงลึกของลูกค้า รวมถึงระบบ CRM เชิงรุก ในรูปแบบ Lalin 4.0 Connection ที่ลูกค้าสามารถรับทราบข่าวสารข้อมูล สื่อสารกับลลิล แบบทูเวย์คอมมิวนิเคชั่นอย่างรวดเร็ว  ซึ่งทั้งหมดคือการต่อยอดมาตรฐาน Lalin’s Quality of Living โดยตั้งงบด้านการตลาดปีนี้ไว้ที่ประมาณ 3 – 4%

ทั้งนี้ในส่วนของด้านการเงิน บริษัทวางงบซื้อที่ดินไว้ที่ประมาณ 1,000 – 1,200 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และกำไรสะสมของบริษัท ในส่วนของ Working Cap ในการดำเนินธุรกิจ นอกจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานแล้ว ส่วนหนึ่งจะมาจากการออกหุ้นกู้ และแหล่งเงินกู้ระยะสั้นจากสถาบันการเงิน ซึ่งจะพิจารณาออกในจำนวนและช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้สอดรับกับการขยายธุรกิจ และการเติบโตในระยะยาวของบริษัท ทั้งนี้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ของบริษัทในปัจจุบันอยู่ในระดับประมาณ 0.8 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ราว 1.4 เท่าอยู่มาก ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนความเสี่ยงทางด้านการเงินที่ต่ำ