รู้รอบโลก..กับข่าวเศรษฐกิจโลกรอบสัปดาห์

กลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกงปฏิเสธการเจรจาบนโต๊ะ ขณะที่ ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังปรับลดภาษีหลายอย่างแก่ครัวเรือนในสหรัฐฯ เพราะหวั่นเศรษฐกิจสหรัฐฯจะถดถอยจากปัจจัยต่างๆ

.มาตรการภาษีกดรายได้ครัวเรือนสหรัฐฯ

สำนักงานงบประมาณแห่งสภาคองเกรส (CBO) เปิดเผยรายงานกรณีที่รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำหนดภาษีนำเข้าท่ามกลางความขัดแย้งด้าน การค้ากับประเทศต่างๆทั่วโลกน่าจะทำให้รายได้เฉลี่ยครัวเรือนสหรัฐลดลง 580 ดอลลาร์ในปี 63 ซึ่งหมายถึงอำนาจการซื้อของคนอเมริกันจะลดลงด้วย

CBO คาดว่า ในปี 63 การเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของสหรัฐ และต่างประเทศนับตั้งแต่เดือนม.ค.61 ทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่แท้จริงของสหรัฐลดลงประมาณ 0.3% ขณะที่รายได้ที่แท้จริงของครัวเรือสหรัฐก็ลดลงเฉลี่ย 0.4% ในเวลาเดียวกันจะทำให้มูลค่าการส่งออกที่แท้จริงลดลง 1.7% และมูลค่าการนำเข้าที่แท้จริงลดลง 2.6% ด้วย

.ม็อบฮ่องกงปฏิเสธข้อเสนอ “แคร์รี ลัม”

แคร์รี ลัม เครดิตภาพ : วิกิพีเดีย

กลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกงปฏิเสธความพยายามของ นางแคร์รี ลัม ผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ที่จะตอบสนองความต้องการสำคัญของพวกเขา ทั้งนี้นางลัมให้คำมั่นว่าจะเปิดเวทีการเจรจา, สอบสวนการร้องเรียนเกี่ยวกับตำรวจ และศึกษาข้อเท็จจริงอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับการประท้วงซึ่งจะประกอบไปด้วยผู้มีความเห็นต่างๆมากมายทั้งในด้านการดำเนินชีวิต, มุมมอง จุดยืนทางการเมือง

พร้อมจ้างผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศช่วยประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยจะเปิดเผยผลให้ประชาชนทราบภายใน 6 เดือน อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ประท้วงปฏิเสธข้อเสนอนี้ และไม่ต้องการเวทีเจรจาที่ทำให้พวกเขาเสียเวลา และเสียเงิน

.รมว.ตปท.สหรัฐแก้เกี้ยวชมเดนมาร์ก

นายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐ แก้เกี้ยวกล่าวชมเดนมาร์กว่าเป็นประเทศพันธมิตรที่ดี พร้อมแสดงความซาบซึ้งใจกับนางเมตเต เฟรเดอริกเซน นายกฯเดนมาร์ก ที่ปฏิเสธไม่ขายดินแดนกรีนแลนด์ที่เธอเห็นว่า เป็นเรื่อง“บ้า”ทั้งนี้การแสดงความเห็นของทรัมป์ที่ต้องการจะซื้อดินแดนกรีนแลนด์ ทำให้เดนมาร์กต้องรีบชี้แจ้งว่า เดนมาร์กพร้อมทำธุรกิจกับสหรัฐ แต่ไม่ใช่การขายดินแดนขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ยกเลิกการเดินทางเยือนเดนมาร์ก และว่า“ผมคิดว่าคำพูดของนายกฯเดนมาร์กน่ารังเกียจและไม่เหมาะสม” 

.EC สอบสวนโครงการเงินลิบราของ”เฟซบุ๊ก”

สำนักงานต่อต้านการผูกขาดตลาดของสหภาพยุโรป (EU) กำลังตรวจสอบโครงการสกุลเงินลิบรา (Libra) สกุลเงินดิจิทัลอายุ 2 เดือนของ เฟซบุ๊ก อิงค์ ว่ามีแนวโน้มของพฤติกรรมต่อต้านการแข่งขันที่เกี่ยวข้องกับสมาคมลิบรา (Libra Association)หรือไม่ภายใต้ข้อวิตกที่ว่า ระบบการชำระเงินดังกล่าวจะปิดกั้นคู่แข่งอย่างไม่เป็นธรรมโดยเฉพาะในการแลกเปลี่ยนข้อมูล และการใช้ข้อมูลแก่ผู้บริโภค EU ยังกลัวเฟซบุ๊กผลักดันเงินลิบราสู้กับเงินสดในรูปแบบดั้งเดิมด้วย

.จีนกวาดล้างโบรกเกอร์ปั่นบอนด์

สื่อต่างประเทศรายงานว่า ทางการจีนกำลังดำเนินการปราบปรามธนาคารและโบรกเกอร์ซึ่งเชื่อว่าปั่นการซื้อขายตราสารหนี้ให้เพิ่มปริมาณขึ้น เพื่อพยายามดึงดูดการทำธุรกิจนี้มากขึ้น โดยเทรดเดอร์สองรายเปิดเผยว่า ธนาคารกลางจีน กำลังจ้องเขม็งการทำธุรกรรมขนาดใหญ่ในระบบ X-Bond เพื่อหาสัญญาณการซื้อขายที่ผิดปกติหลังจากปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ของธนาคารไชน่า ดีเวล ล็อปเมนต์แบงก์ ได้พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันที่ 16 ก.ค.และ ร่วงลง 1 ใน 3 ในเวลาต่อมา ทั้งนี้ทางการจีนได้เข้มงวดกับการสร้างราคาปั่นหุ้นและตราสารหนี้ที่จัดเป็นการฉ้อโกงอย่างหนัก

.“เสี่ยวมี่” โดน “หัวเว่ย” แย่งตลาด

เสี่ยวมี่ คอร์ป เปิดเผยรายได้ในไตรมาส 2/62 ขยายตัว 15% สู่ระดับ 51, 950 ล้านหยวน (7,360 ล้านเหรียญ) จากระดับ 45,240 ล้านหยวนในไตรมาส 2/61 อย่างไรก็ดี รายได้ในไตรมาสนี้ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 53, 520 ล้านหยวน เนื่องจากประชาชนที่ซื้อสมาร์ทโฟนในจีนมีจำ นวนน้อยลง และ “หัวเว่ย”ซึ่งเป็นคู่แข่งแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดไปมากโดยรายได้สุทธิของเสี่ยวมี่ร่วงลง 87% สู่ระดับ 1,960 ล้านหยวน แต่กำไรอยู่ที่ 3,640 ล้านหยวน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 2,740 ล้านหยวน โดยสมาร์ทโฟนทั้งหมดในไตรมาส 2 ขายได้เพิ่มขึ้นเป็น 32 ล้านเครื่อง แต่ก็จัดว่ากำลังเผชิญภาวะตลาดซบเซา ขณะที่ผู้บริโภคจีนส่วนหน่ึงแห่ไปซื้อหัวเว่ยที่รับผลกระทบของมาตรการจากสหรัฐ

.“ทรัมป์” ลดภาษีหลายประเภ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ กำลังพิจารณาการปรับลดภาษีหลายประเภทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังผู้เชี่ยวชาญกังวลว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเข้าสู่ภาวะถด ถอยซึ่งปธน.ทรัมป์ปฏิเสธมาโดยตลอด นายทรัมป์ กล่าวว่า เขากำลังพิจารณาปรับลด ภาษีกำไรจากเงินลงทุนให้เป็นไปตามภาวะเงินเฟ้อพร้อมออกกฎหมายลดภาษีเงินเดือน ด้วย ในนโยบายภาษีปัจจุบัน แต่ละครอบครัวต้องจ่ายภาษีเต็มจำนวน หากกำไรจากการขายหลักทรัพย์ถึงมูล ค่าที่กำหนด และหากมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอาจเปลี่ยนสิน ทรัพย์พื้นฐานเป็นเงินเฟ้อ ดังนั้นการยกเว้นกำไรเหล่านี้ซึ่งเป็นผลของเงินเฟ้อจากการ เก็บภาษีและคิดรายได้ที่สามารถเรียกเก็บภาษีจากรายได้ที่เป็นผลกำไรจากการขายหลักทรัพย์จริงเท่านั้น โดยคาดว่า การปรับลดภาษีครั้งนี้ จะทำให้รัฐบาลสหรัฐสูญเสียรายได้ราว 102,000 ล้านเหรียญในช่วง 10 ปีข้างหน้า และครัวเรือนที่มีรายได้สูงและแรงงานในสหรัฐจะได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่สุด