ราคาปาล์มพุ่ง!เกษตรกรยิ้ม-ผู้ผลิตปาล์มขวดกุมขมับ

.เหตุปาล์มขวดต้องขาย 76 บาทแต่พาณิชย์คุมไม่เกิน 68 บาท

.”จุรินทร์” ตั้งอนุกรรมการ 3 ฝ่ายเกาะติดสถานการณ์ใกล้ชิด

.หวังเกษตรกร-ผู้ผลิต-ผู้บริโภคได้ประโยชน์เท่าเทียมแบบ “วิน-วิน”

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มด้านการตลาดครั้งที่ 1/65 ว่า ขณะนี้ ราคาผลปาล์มน้ำมันสูงขึ้นมากกว่ากิโลกรัม (กก.) ละ 8-12 บาท จากก่อนหน้านี้ที่กก.ละ 2 บาทกว่า ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เป็นประโยชน์กับเกษตรกร และเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐบาล แต่อาจกระทบต่อต้นทุนการผลิตน้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภค

ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีมติตั้งคณะอนุกรรมการ 3 ฝ่าย คือ หน่วยงานภาครัฐ, ตัวแทนเกษตรกร และตัวแทนผู้ประกอบการ อย่างสมาคมโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม สมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม สมาคมผู้ผลิตไบโอดีเซลไทย และผู้แทนคลังรับฝากน้ำมันปาล์ม เพื่อให้การบริหารจัดการผลปาล์มสดของเกษตรกร การผลิตน้ำมันปาล์มดิบของโรงสกัด และโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มรีไฟน์ เข้าสู่ภาวะสมดุล ไม่ใช่นำไปส่งออกจนเกิดภาวะขาดแคลนในประเทศ และมีเสถียรภาพด้านราคา ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย หรือวิน-วิน โดยแม้จะมีการขอปรับขึ้นราคาน้ำมันปาล์มขวด ก็ต้องปรับขึ้นสูงจนเกินไป เพื่อให้กระทบกับผู้บริโภคน้อยที่สุด ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตก็ยังสามารถทำธุรกิจต่อไปได้

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับทราบข้อสั่งการของกรมการค้าภายใน ที่สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ตรวจสต๊อก และรายงานสต๊อกให้คณะอนุกรรมการชุดนี้รับทราบทุก 7 วัน นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อติดตามสถานการณ์โดยใกล้ชิด

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ ไทยมีสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ 180,000-200,000 ตัน ส่วนผลผลิตปี 65 คาดจะปริมาณ 17.9 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 5% จากปี 64 โดยในช่วงเดือนม.ค.-เม.ย.65 ผลผลิตออกสู่ตลาดแล้ว 5.75 ล้านตัน ออกมากที่สุดในเดือนมี.ค.65 ที่ 1.82 ล้านตัน ส่วนในระยะต่อไป ผลผลิตจะออกลดลง และในเดือนพ.ค.นี้ ผลผลิตออกแล้ว 1.70 ล้านตัน

สำหรับราคาผลปาล์มสด ล่าสุด ณ วันที่ 11 พ.ค.65 อยู่ที่กก.ละ 9.80-11.20 บาท เพิ่มขึ้น 52% จากราคาเฉลี่ยปี 64 และเมื่อราคาผลปาล์มสูงขึ้น ย่อมทำให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบ และน้ำมันปาล์มขวดสูงขึ้นตาม โดยหากคิดตามโครงสร้างต้นทุน ขณะนี้ ราคาน้ำมันปาล์มขวดจะอยู่ที่ประมาณขวดละ 76 บาท แต่จากการบริหารจัดการของกรมการค้าภายใน ร่วมกับผู้ประกอบการทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทำให้สามารถปรับราคาลงจาก 76 บาทเหลือขวดละ 65-68 บาท