ราคาข้าวเปลือกร่วงหนัก! ชาวนาร้องรัฐช่วยเหลือด่วน

.เหตุส่งออกได้น้อยผู้ส่งออกกอดสต๊อก 8-9 ล้านตัน

.ฝนตก-น้ำท่วมต้องเกี่ยวข้าวเปียกขายไม่ได้ลดความชื้น

.ล่าสุดราคาเหลือโลละ 6 บาทหนำซ้ำต้นทุนปุ๋ย น้ำมันพุ่งอีก

นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวว่า ขณะนี้ ผลผลิตข้าวเปลือกทยอยออกสู่ตลาดแล้ว แต่ชาวนาขายได้ในราคาต่ำมาก เพราะการส่งออกไม่ดี มีข้าวในสต๊อกมากถึง 8-9 ล้านตัน อีกทั้งยังมีปัญหาฝนตก น้ำท่วม ชาวนาต้องเร่งเก็บเกี่ยวมาขายเป็นข้าวเปียก  ไม่ได้ตากแดดไล่ความชื้นออก ส่งผลให้ขายได้ราคาต่ำตันละ 6,000 กว่าบาทเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีปัญหาต้นทุนที่สูงขึ้นมาก จากราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และปุ๋ยเคมีที่สูงขึ้นมาก ล่าสุด ปุ๋ยเคมีปรับขึ้นมากระสอบละกว่า 50% มาอยู่ที่กว่า 1,000 บาทแล้ว เมื่อบวกลบกันแล้วขายได้ไม่คุ้มทุน แม้รัฐบาลมีโครงการประกันรายได้ แต่ขณะนี้ ยังไม่ได้จ่ายเงินชดเชยส่วนต่างรายได้งวดแรกให้ชาวนาเลย แต่น่าจะได้รับเร็วๆ นี้  

“อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือเรื่องปัญหาหนี้สินของเกษตรกร และปัญหาน้ำ โดยในเรื่องหนี้สิน อยากให้รัฐบาลช่วยปลดหนี้ หรือพักหนี้ทั้งเงินต้น และดอกเบี้ยให้ด้วย เพราะตอนนี้ชาวนาไม่มีเงินใช้หนี้แล้ว ขายข้าวก็ไม่คุ้มทุน และบางรายข้าวเสียหายจากน้ำท่วม ก็ยังไม่ได้รับเงินชดเชยจากรัฐบาล อยากให้รัฐเร่งจ่ายให้ด้วย ส่วนเรื่องน้ำ ก็อยากให้หาแหล่งน้ำให้ เพราะยังมีปัญหาขาดน้ำในหลายจังหวัด รวมถึงอยากให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงมาดูแลด้วย ส่วนผู้ส่งออกก็เอากำไรน้อยหน่อย เพื่อให้ชาวนาอยู่ได้”

ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้ การส่งออกข้าวไทยดีขึ้นมาก เพราะค่าเงินบาทอ่อนลง ทำให้ราคาข้าวไทยแข่งขันกับคู่แข่งได้ และในครึ่งปีหลัง ตั้งแต่เดือน ก.ค.64 ตัวเลขการส่งออกดีขึ้น โดยมีการขอใบอนุญาตส่งออกเดือนละ 700,000-800,000 ตัน จากในช่วงครึ่งปีแรกส่งออกเฉลี่ยเดือนละ 400,000-500,000 ตันเท่านั้น ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการระบายข้าว แต่เนื่องจากสต๊อกข้าวของผู้ส่งออกยังมีมากพอสมควร จึงยังไม่มีผลทำให้ราคาข้าวในประเทศดีขึ้นมาก เพราะผู้ส่งออกยังไม่ได้ซื้อจากชาวนาและโรงสี

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีโครงการประกันรายได้เกษรตรกร หากราคาข้าวลดลงต่ำกว่ารายได้ที่ประกัน เช่น ข้าวหอมมะลิ ประกันรายได้ที่ตันละ 15,000 บาท หรือข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ยังมีเงินส่วนต่างช่วยชดเชยรายได้ให้ และยังมีมาตรการคู่ขนาน ช่วยโรงสี สหกรณ์ หรือเกษตรกร ให้เก็บข้าวไว้ในช่วงที่ราคาไม่ค่อยดี โดยมีเงินชดเชยให้ตันละ 1,500 บาท และนำออกขายตอนที่ราคาดีขึ้น

“อย่างน้อยเกษตรกรก็มีหลักประกันว่าแม้ราคาจะลงไปถึงกก.ละ 6-7 บาท แต่อย่างน้อยข้าวเปลือกเจ้า ประกันรายได้ที่กก.ละ 10 บาท ถ้าไม่ถึงจะมีเงินส่วนต่างให้ หรือข้าวหอมมะลิ ประกันรายได้ที่กก.ละ15 บาท แต่สำหรับเงินส่วนต่างชดเชยรายได้ ที่จะได้รับ ต้องดูว่าความชื้นเท่าไหร่ หากความชื้นมากราคาจะตก ต้องเป็นความชื้นมาตรการไม่เกิน 15% จึงจะได้ส่วนต่างตามที่กำหนด หากความชื้นสูงกว่านี้ จะตัดทอนตามเปอร์เซ็นต์ของความชื้น”