รัสเซียประกาศเป็นประเทศแรกในโลกที่จะใช้วัคซีนต้านโควิด-19

  • หลังจากใช้เวลาทดสอบในอมนุษย์ไม่ถึง 2 เดือน
  • คาดวางตลาดปลายปีนี้แม้ยังไม่ผ่านการทดสอบเฟสสุดท้าย
  • ขณะที่จีนเริ่มทดสอบระยะที่ 3 กับคนในอินโดนีเซีย

ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน  ประกาศว่า รัสเซียเป็นประเทศแรกในโลก ที่จะอนุมัติให้ใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งพัฒนาโดยสถาบันวิจัยกามาเลยา (Gamaleya Institute) ในกรุงมอสโก หลังจากใช้เวลาทดสอบในมนุษย์ในเวลาไม่ถึง 2 เดือน  

นายปูตินระบุว่า ความรวดเร็วในการพัฒนาวัคซีนตอกย้ำถึงความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ของรัสเซีย และความมุ่งมั่นที่จะชนะการแข่งขันพัฒนาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ แม้ยังต้องทดสอบวัคซีนในระยะสุดท้าย เพื่อประเมินความปลอดภัย และประสิทธิภาพ แต่ภาคธุรกิจของรัสเซียในเครือ Sistema คาดว่า จะผลิตจำนวนมากได้ภายในสิ้นปีนี้ 

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าว ระบุว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัสเซีย ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 จะได้รับโอกาสในการเป็นอาสาสมัครทดสอบวัคซีนก่อนในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้ 

ด้านนาย Kirill Dmitriev หัวหน้ากองทุนความมั่งคั่งของรัสเซีย กล่าวว่า การพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ครั้งนี้ เปรียบเสมือนกับช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ของสปุตนิก (Sputnik) ที่สหภาพโซเวียตได้เปิดตัว “สปุตนิก” ดาวเทียมดวงแรกของโลกในปีค.ศ.1957 (พ.ศ.2500) โดยวัคซีนตัวนี้ จะวางตลาดต่างประเทศภายใต้ชื่อ “Sputnik V” 

นาย Dmitriev กล่าวว่า ประเทศต่างๆ ได้ติดต่อมายังรัสเซีย เพื่อแสดงความต้องการแล้วมากถึง 1,000 ล้านโดส และยังมีข้อตกลงระหว่างประเทศ ที่จะผลิตวัคซีนนี้อีก 500 ล้านโดสต่อปี โดยคาดว่าจะผลิตในบราซิล และจะเริ่มการทดสอบในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และฟิลิปปินส์ในเร็วๆ นี้  

แต่ประมาณ 10% ของการทดสอบเท่านั้น ที่จะประสบความสำเร็จ และการที่รัสเซียพัฒนาวัคซีนอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะมีการทดสอบในระยะสุดท้าย เพื่อประเมินความปลอดภัย และประสิทธิภาพในการรักษาโรคนั้น ทำให้นักวิทยาศาสตร์หลายคนกังวลว่า รัสเซียอาจจะต้องการรักษาหน้ามากกว่าคำนึงถึงความปลอดภัย 

 ขณะเดียวกัน บริษัทซิโนวัค ไบโอเทค (Sinovac Biotech) ของจีน เริ่มการทดสอบต้นแบบวัคซีนโควิด-19 ในมนุษย์ เฟส 3 ที่อินโดนีเซีย ซึ่งนี้มีชื่อว่า “โคโรนาวัค (CoronaVac)” เป็นหนึ่งในต้นแบบวัคซีน 6 ตัวที่เข้าสู่ระยะที่ 3 ของการทดสอบในมนุษย์ ซึ่งเป็นระยะสุดท้าย โดยวัคซีนตัวนี้ ซิโนวัคได้ร่วมพัฒนากับบริษัทไบโอ-ฟาร์มา (Bio Farma) บริษัทเภสัชกรรมของทางการอินโดนีเซีย และจะทดสอบกับกลุ่มตัวอย่าง 1,620 คน 

ซิโนวัคต้องทดสอบต้นแบบวัคซีนในต่างประเทศเพราะว่าจีนไม่ได้เป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่แล้ว เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่น้อยในปัจจุบัน ขณะที่อินโดนีเซียยังคงมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 127,000 คน แล้ว