รัฐบาล ชูฐานะการเงินคลังไทยแข็งแกร่ง 3 เดือน จัดเก็บรายได้ 6.33 แสนล้าน

  • สูงกว่าประมาณการกว่า 7.36 หมื่นล้านบาท
  • เศรษฐกิจส่งสัญญาณบวก
  • เตรียมปรับขยายตัวเป็นร้อยละ 3.5 – 4

วันนี้ (22ม.ค.) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยฐานะการเงิน-การคลังของไทยมีความแข็งแกร่ง โดยกระทรวงการคลังเผยการจัดเก็บรายได้สุทธิในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2566 (ตุลาคม – ธันวาคม 2565) จำนวน 633,139 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 73,586 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.2 และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 13.3

โดยได้รับแรงหนุนตามการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการบริโภค และการค้าระหว่างประเทศ และยังมีรายได้พิเศษจากการนำส่งทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียน รายได้จากสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ และใบอนุญาตคลื่นวิทยุ รวมทั้งอากรขาเข้าย้อนหลังตามคำพิพากษาคดี คาดว่า รายได้รัฐบาลในช่วงที่เหลือขอปีงบประมาณ 2566 จะยังคงขยายตัวได้ดีตามภาวะเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ดี การจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตต่ำกว่าประมาณการ จากการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนเป็นการชั่วคราวจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ หากไม่รวมรายได้พิเศษของส่วนราชการอื่นและกรมศุลกากร ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิสูงกว่าประมาณการ 40,175 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.2 และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.3

ทั้งนี้กระทรวงการคลังคาดการณ์ว่ารัฐบาลจะมีรายได้นำส่งคลัง 2.6 ล้านล้านบาท ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณทั้งสิ้น 3.1 ล้านล้านบาท และมีการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณจำนวน 6.95 แสนล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นปีงบประมาณ 2566 มีจำนวนทั้งสิ้นกว่า 7.1 แสนล้านบาท เป็นระดับที่เพียงพอต่อการใช้จ่ายที่จำเป็นของภาครัฐ ภาพรวมฐานะการคลังในปีงบประมาณ 2566 มีความมั่นคงและเข้มแข็ง

“เศรษฐกิจไทยยังมีสัญญาณเป็นไปในทิศทางทางบวก โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เตรียมทบทวนประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยทั้งปี ซึ่งอาจจะขยายตัวได้ถึงร้อยละ 3.5 – 4 ตามแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ภายในประเทศและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวอีกด้วย” นายอนุชาฯ กล่าว