รัฐบาล กำชับกรมชลฯ-สทนช.-ฝ่ายปกครอง-หน่วยงานในพื้นที่ บูรณาการช่วยเหลือประชาชน

  • ที่ได้รับผลกระทบพายุโซนร้อน “มู่หลาน”
  • ป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจไม่ให้เกิดน้ำท่วมขัง

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห่วงประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน “มู่หลาน” ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา พายุโซนร้อน “มู่หลาน” ซึ่งจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ และขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนในวันนี้ (11 ส.ค. 65) ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน และประเทศลาวตอนบน ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ตั้งแต่วันที่ 11-13 ส.ค. 65 บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกของประเทศไทย จึงขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย

“นายกรัฐมนตรีสั่งการให้กรมชลประทาน สทนช. ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละพื้นที่ ได้ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ให้เฝ้าระวังพื้นที่ เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขัง เตรียมรับมือกับปัจจัยเสี่ยงสถานการณ์น้ำจากฝนตกหนักต่อเนื่องและสะสมจากพายุโซนร้อน ‘มู่หลาน’ และมรสุมพาดผ่านในพื้นที่ประเทศไทยช่วง 11-13 ส.ค. ประกอบกับการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา และน้ำทะเลหนุนสูงในช่วง 10-16 ส.ค. ย้ำให้เตรียมพร้อมบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เตรียมพร้อมแผนเผชิญเหตุ โดยเฉพาะในพื้นที่เศรษฐกิจจะต้องป้องกันไม่ให้เกิดน้ำท่วม รวมทั้งลดผลกระทบจากสถานการณ์อย่างมีประสิทธิภาพ เน้นตรวจสอบความมั่นคงอาคารป้องกันริมแม่น้ำ และเสริมคันบริเวณจุดเสี่ยงที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูล แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมน้ำนอกแนวคันกั้นน้ำ แนวเขื่อนชั่วคราวในบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ) และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำทราบล่วงหน้า เตรียมความพร้อมของเครื่องจักรเครื่องมือ เพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือ บรรเทาผลกระทบต่อประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัยได้ทันที เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือชีวิตและความปลอดภัยของประชาชน” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว