รัฐบาลแจงสลากดิจิทัลไม่ริบโควตา-ตัดอาชีพผู้ค้ารายย่อย

  • เพิ่มจำนวนแบบค่อยเป็นค่อยไป
  • เผยนายกฯ กำชับดูแลทั้ง 2 ระบบ
  • ให้สมดุลอย่างเป็นธรรม

เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2565 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอขาย หรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาที่เกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมทั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคาและคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เรื่องผลการจำหน่ายสลากดิจิทัล 2 งวดที่ผ่านมา มีผลตอบรับของประชาชนอย่างมากกับราคาสลาก 80 บาท ในที่ประชุมจึงมีการหารือกันว่าการที่สลากหมดเร็วสะท้อนความต้องการของพี่น้องประชาชนมากน้อยแค่ไหน เพราะเป็นเพียงความสนใจแรกๆ หรือไม่ จึงเป็นที่มาว่าคณะกรรมการแก้ไขสลากเกินราคาได้ให้ความคิดเห็นกับคณะกรรมการสลากฯ ไปว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเพิ่มจำนวนสลากให้มากขึ้นในสัดส่วนของสลากดิจิทัล โดยให้เป็นการเพิ่มแบบค่อยเป็นค่อยไป งวดละ 1-2 ล้านใบก่อน โดยตั้งเป้าไว้ว่าภายในสิ้นปีนี้จะมี 20 ล้านใบที่จะอยู่ในระบบสลากดิจิทัล และพยายามไม่กระทบกับผู้ค้ารายย่อยด้วย

“นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย อยากให้มีความสมดุลในสัดส่วนของสลากดิจิทัลกับสลากที่เป็นใบ เพราะผู้ขายอีกส่วนหนึ่งยังคงคุ้นเคยกับการซื้อขายเป็นใบ นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงทั้ง 2 รูปแบบการขาย โดยนายกรัฐมนตรีกำชับว่าอยากให้พิจารณาถึงความเหมาะสมและสมดุลให้ได้ ต้องดูแลให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย เน้นการแก้ไขปัญหาให้สลากมีราคา 80 บาทให้ถึงมือประชาชนเท่านั้น”

น.ส.ทิพานันกล่าวว่า ความกังวลเรื่องถูกตัดโควตานั้น หากไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ยังมีสิทธิที่จะขายสลากกินแบ่งรัฐบาลได้แบบใบเหมือนเดิมต่อไป เพียงแต่ต้องไม่ขายเกินกว่าราคาที่กำหนด 80 บาท และอนาคตผู้ค้าสลากแบบแผงอยากจะเข้ามาสู่ระบบการขายแบบดิจิทัลนั้น ต้องชี้แจ้งว่า ณ ช่วงที่ทางคณะกรรมการฯ ทำงานในช่วงแรก ได้ให้กองสลากเปิดรับแบบให้สิทธิพิเศษผู้ค้ารายเดิมลงทะเบียนขายแบบดิจิทัลก่อนคนทั่วไป ซึ่งมีผู้ค้ารายเดิมเพียง 3,000 รายสมัคร จากความต้องการกว่า 10,000 ราย ทางสำนักงานสลากฯ จึงต้องเปิดรับประชาชนทั่วไปเพิ่มอีกกว่า 7,000 ราย เพื่อให้เพียงพอต่อการเปิดร้านขายดิจิทัลสลาก 5,173,500 ล้านใบในงวดแรก ซึ่ง ณ ตอนนี้ปิดรับสมัครไปแล้ว และมีผู้ที่สมัครแสดงความจำนงไว้อยู่กว่า 70,000 ราย ดังนั้นผู้ค้าสลากแบบแผงที่ไม่ได้แสดงเจตจำนงไว้ ต้องรอคิวเปิดรอบใหม่อีกครั้ง
 
ส่วนที่ผู้ค้ารายย่อยกังวลว่าลูกค้าจะไม่ซื้อสลากใบนั้น น.ส.ทิพานันกล่าวว่า ปัจจุบันสลากดิจิทัลเป็นเพียง 5% ของ 100 ล้านใบ สัดส่วนส่วนแบ่งตลาดถือว่าน้อยมากกับความต้องการ แต่สิ่งที่กระทบมากสุดคือความรู้สึกของผู้ซื้อ ที่ยังเห็นราคาสลากหน้าแผงขายเกินราคา ผู้ซื้ออาจจะควักเงินจ่ายหน้าแผงยากขึ้น มีความลังเลในการตัดสินใจซื้อมากขึ้น ส่วนที่จะเพิ่มเป็น 20% หรือ 20 ล้านใบนั้น ก็เป็นสัดส่วนที่ค่อยเป็นค่อยไป อย่างงวดวันที่ 1 สิงหาคม 2565 เพิ่มมา 2 ล้านใบ ก็คำนวณมาจากในแต่ละงวดที่ผู้ค้าทั้งแบบโควตาและผู้มีสิทธิจอง ไม่ยืนยันจ่ายเงินซื้อกับกองสลากในแต่ละงวดเพื่อนำไปขาย ที่ผ่านมาในส่วนไม่มีการยืนยันจ่ายเงินมา กองสลากจะเปิดให้ผู้มีสิทธิจองมาซื้อเพิ่มเพื่อขายให้หมด ซึ่งรอบนี้ก็เอาตรงนั้นมาขายในสลากดิจิทัลได้เลย ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเรียกผู้เคยลงทะเบียนสนใจขายสลากดิจิทัลมารายงานตัวเพื่อทำสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่ายสลากดิจิทัลอีก 2 ล้านใบ ในวันที่ 28-30 มิถุนายน 2565 นี้ จำนวน 4,000 ราย ที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว และเป็นการรันคิวตามที่สมัคร ซึ่งตรงนี้ดูรายละเอียดได้ที่เว็บกองสลาก

“การขายสลากดิจิทัลวันนี้คือการแก้ไขระยะแรก เป็นจุดเริ่มต้นของการขายสลาก 80 บาท ทำให้เกิดกลไกตลาด กลไกราคาที่ผู้ซื้อได้เห็นจริงๆ ว่ามีสลาก 80 บาทเกิดขึ้น เกิดความอยากซื้อสลากในราคาที่เป็นธรรม ราคามาตรฐาน 80บาท ต้องเรียนอีกครั้งหนึ่งว่า การขยาย สลากดิจิทัล 20 ล้านใบ อาจจะไม่ใช่การแก้ไขปัญหาเพียงทางเดียว แต่เป็นจุดเริ่มต้นการแก้ไข ทางคณะกรรมการฯ พยายามนำต้นตอปัญหามาแก้ไขให้ถูกจุด โดยยึดกรอบกฎหมายและประชาชนเป็นสำคัญ” น.ส.ทิพานันกล่าว

สำหรับข้อกังวลว่าสาเหตุที่สลากดิจิทัลขายหมดเร็วเพราะมีการกว้านซื้อมากักตุน สุดท้ายไปบวกเพิ่มเป็นใบละ 100 เกิน 80 บาทเหมือนเดิมหรือไม่ น.ส.ทิพานันกล่าวว่า สลากดิจิทัลไม่สามารถจะซื้อแล้วนำไปขายต่อได้ เพราะผู้ซื้อผ่านแอปเป๋าตัง จะถูกบันทึกตัวตนไว้ในระบบเลยว่าท่านเป็นผู้ซื้อสลากนี้ แล้วทำการผูกบัญชีผ่านแอป หากถูกรางวัลจะจ่ายตรงให้กับผู้ซื้อสลากใบนี้เท่านั้น ดังนั้นการนำไปขายต่อ ก็เป็นการกระทำผิดเงื่อนไข ผู้ที่ซื้อต่อไปก็มีความเสี่ยงที่เมื่อถูกรางวัลแล้วจะไม่ได้รับเงินรางวัลด้วย เพราะฉะนั้นหากพี่น้องประชาชนพบเห็นการขายต่อสลากดิจิทัล ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือโทร.มากองสลากได้เลย แล้วขอให้ช่วยกันส่งต่อข้อมูลที่ถูกต้องว่าไม่ซื้อสลากดิจิทัลที่มีคนนำมาขายต่อ เพราะว่าอาจจะเป็นกลลวงของมิจฉาชีพได้

ส่วนจุดขายสลาก 80 บาทที่ปัจจุบันมี 745 จุดขายดีหรือไม่นั้น น.ส.ทิพานันกล่าวว่า ประชาชนตอบรับดีเช่นกัน ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบ เพื่อเร่งเพิ่มจุดจำหน่ายสลาก 80 บาทให้ครบ 1,000 จุดให้เร็วที่สุดภายในเดือนกรกฎาคม โดยตรวจสอบคุณสมบัติผู้ขายและจุดจำหน่าย ซึ่งตอนนี้มีเกือบ 800 จุดทั่วประเทศ แผนการที่จะเพิ่มในอนาคตให้มากกว่า 1,000 จุดขึ้นไปอีก ก็มีแผนที่จะดำเนินการเพิ่มเติม โดยมีคนสมัครเป็นตัวแทนขายผ่านการคัดเลือกสลาก 80 บาทเป็นจำนวนมาก คนที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับสลากถึงงวดละ 25 เล่ม เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนให้สามารถซื้อสลาก 80 บาทได้ทุกจังหวัด ทุกภูมิภาคของประเทศไทย โดยพี่น้องประชาชนสามารถเข้ามาซื้อโดยสแกนจ่ายเงินผ่านแอปเป๋าตัง จำกัดจำนวน 1 คน จะซื้อได้ 20 ใบ ป้องกันการซื้อไปเปลี่ยนมือต่อ

“การแก้ไขสลากเกินราคา เกิดจากประชาชนร้องเรียนกันมาเป็นจำนวนมาก ในหลายปีมีการแก้ไขปัญหากันหลายรูปแบบ ก็ยังไม่เห็นราคา 80 บาทในตลาดได้จริง จน พล.อ.ประยุทธ์ได้สั่งการและให้แก้ปัญหาให้เป็นรูปธรรม จับต้องได้ และให้ถูกกฎหมาย เพื่อให้แก้ไขอย่างยั่งยืนและรวดเร็ว วันนี้จึงเกิดการแก้ไขได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งต้องขอบคุณทุกฝ่ายและขอบคุณประชาชนที่ช่วยกันซื้อสลากในราคา 80 บาท” น.ส.ทิพานันกล่าว.