รัฐบาลมั่นใจตลอดปี 65 นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยทะลุเป้าหมาย 10 ล้านคนแน่นอน!

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ติดตามข้อมูลภาคการท่องเที่ยว ซึ่งชี้แนวโน้มที่ต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นายกฯ ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยว อาทิ กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว ให้เพิ่มความเข้มงวดกับประเด็นเรื่องความปลอดภัย ทั้งในสถานที่หรือแหล่งท่องเที่ยว การเดินไม่ว่าจะทางอากาศ ทางถนน ทางเรือ ตลอดจนความปลอดภัยด้านสุขภาพอนามัยจากโรคระบาด บริการอาหารที่สะอาด

ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานว่า ณ สิ้นเดือน พ.ย.2565 หรือ 11 เดือนแรกของปีนี้ มีต่างชาติเดินทางเข้าไทยแล้ว 9.09 ล้านคน เฉพาะเดือน พ.ย.เดือนเดียว 1.73 ล้านคน ทำให้รัฐบาลมั่นใจว่าตลอดทั้งปี 2565 นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้าไทยทะลุเป้าหมาย 10 ล้านคนแน่นอน ดังนั้น นายกฯ จึงกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เพิ่มความเข้มงวดในเรื่องความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ เพื่อรักษาความเชื่อมั่นที่ขณะนี้ต่างชาติได้เลือกไทยเป็นจุดหลายปลายทางแรกๆ ที่เดินทางไปเยือนหลังการคลี่คลายของโควิด19

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า จากข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ขณะนี้สถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงเมืองสำคัญของไทยยังคงติดอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลกที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ ซึ่งล่าสุดสำนักข่าว CNBC ได้รายงานผลการสำรวจของ Inter Nations ซึ่งเป็นชุมชนออนไลน์สำหรับชาวต่างชาติที่มีสมาชิกทั่วโลกกว่า 4.5 ล้านคน ได้ทำการสำรวจเกี่ยวกับเมืองที่น่าอยู่และน่าทำงานที่สุดในโลกสำหรับชาวต่างชาติ โดยมีผู้เข้าร่วมตอบแบบสำรวจ 12,000 คน ซึ่งพบว่า กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของไทยติดอันดับที่ 6

ทั้งนี้ ผลสำรวจระบุถึง 10 เมืองทั่วโลกที่นักท่องเที่ยวเห็นว่าน่าอยู่และน่าทำงานที่สุดตามลำดับ ดังนี้ 1.เมืองบาเลนเซีย, สเปน 2. ดูไบ, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 3.เม็กซิโก ซิตี้, เม็กซิโก 4.ลิสบอน, โปรตุเกส 5. มาดริด, สเปน 6. กรุงเทพฯ, ประเทศไทย 7.บาเซิล, สวิตเซอร์แลนด์ 8.เมลเบิร์น, ออสเตรเลีย 9.อาบูดาบี, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ 10.สิงคโปร์

สำหรับผลสำรวจของชาวต่างชาติที่มีต่อกรุงเทพฯ พบว่า 82% มีความสุขต่อคุณภาพการดูแลรักษาทางการแพทย์, 79%มีความสุขกับชีวิตโดยทั่วไป, 69% มีความสุขต่อค่าครองชีพ, 68% มีความสุขต่อความสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิต, 66% มีความสุขต่ออาชีพการทำงาน และ 54% ระบุว่าสามารถพบเพื่อนใหม่ได้ง่าย