รัฐบาลบริหารหนี้สาธารณะอย่างรอบคอบ ระมัดระวัง ยึดหลัก “ครบถ้วน ถูกต้อง ตรงเวลา”

  • ไม่เคยผิดนัดชำระหนี้
  • วางแผนการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า
  • เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ และประชาชน

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีหนี้สาธารณะคงค้าง และความสามารถในการชำระหนี้ของประเทศไทย ว่า หนี้สาธารณะของประเทศไทยส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 98 เป็นหนี้ในประเทศ และใช้เพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระจายความเจริญ ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ขยายโอกาส และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เช่น โครงการพัฒนาการขนส่งทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ อาทิเช่นโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ และปรับปรุงทางรถไฟทั่วประเทศ โครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร การพัฒนาโครงข่ายถนนมอเตอร์เวย์ โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้าทั่วประเทศ โครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและก่อสร้าง การปรับปรุงขยายการประปา ไฟฟ้า ทั้งในส่วนของกรุงเทพฯ และปริมณฑล และในส่วนภูมิภาค เป็นต้น

ทั้งนี้ที่ผ่านมารัฐบาลบริหารหนี้สาธารณะอย่างรอบคอบและระมัดระวัง ภายใต้กรอบในการบริหารหนี้สาธารณะ ตลอดจนชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยได้อย่างมีวินัย โดยยึดหลัก “ครบถ้วน ถูกต้อง ตรงเวลา” อย่างเคร่งครัด และไม่เคยผิดนัดชำระหนี้ นอกจากนี้ บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับสากล อาทิ S&P Moody’s และ Fitch คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยที่ระดับ BBB+ และมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอยู่ในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) ปัจจุบัน เนื่องจากประเทศไทยมีความเข้มแข็งภาคการคลังและภาคการเงินต่างประเทศอยู่ในระดับสูง 

“สถานะทางการคลังของประเทศยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งหลายสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากต่างประเทศ ได้ออกบทความให้การยอมรับความมีเสถียรภาพทางการคลังของประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นอกจากนั้น รัฐบาลมีศักยภาพในการชำระหนี้ และยังไม่เคยผิดนัดชำระหนี้ และที่สำคัญรัฐบาลวางแผนการใช้งบประมาณอย่างรอบคอบ คุ้มค่า เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ และประชาชน” นายอนุชา กล่าว