ยูเรเซียตัดจีเอสพีสินค้าไทยมีผล 12 ต.ค.นี้

.อ้างระดับพัฒนาประเทศสูงเกินเกณฑ์รับสิทธิ
.พาณิชย์ยันกระทบส่งออกไทยน้อยมาก
.แนะเอกชนปรับตัวผลิตสินค้ามีมูลค่าเพิ่มตีตลาด

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 12 ต.ค.64 เป็นต้นไป สหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย ประกอบด้วยสมาชิก 5 ประเทศ คือ รัสเซีย เบลารุส คาซัคสถาน อาร์เมเนีย และคีร์กีซ ได้ประกาศตัดสิทธิทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (จีเอสพี) ที่ให้กับประเทศกำลังพัฒนา รวมถึงไทย 74 ประเทศ เพราะมีระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจสูงเกินเกณฑ์ที่กำหนด โดยไทยอยู่ในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางระดับสูง ส่งผลให้สินค้าที่ไทยเคยได้รับสิทธิ ต้องกลับไปเสียภาษีนำเข้าในอัตราปกติ (เอ็มเอฟเอ็น) จากในช่วงที่ได้จีเอสพี สินค้าไทยได้รับการลดภาษีลง 25% ของอัตราภาษีเอ็มเอฟเอ็นของแต่ละสินค้า

ดังนั้น ผู้ส่งออกที่ใช้สิทธิจีเอสพีส่งออกไปยูเรเซีย จะต้องเร่งส่งออก โดยสินค้าต้องถึงประเทศปลายทางภายในวันที่ 11 ต.ค.64 หากสินค้าเดินทางถึงประเทศปลายทางภายในวันที่ 11 ต.ค.64 แต่ยังไม่มีหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form A (สำหรับใช้สิทธิส่งออกภายใต้จีเอสพี) ไปแสดงขณะนำเข้า ผู้ประกอบการสามารถขอสงวนสิทธิโดยจ่ายภาษีเอ็มเอฟเอ็นไว้ก่อน และนำ Form A ไปแสดงเพื่อขอคืนภาษีตามสิทธิภายใน 12 เดือนนับจากวันที่นำเข้า

“การตัดจีเอสพีจะไม่กระทบกับผู้ส่งออกไทยไปตลาดยูเรเซียมากนัก เพราะคู่แข่งสำคัญถูกตัดสิทธิเช่นกัน ทำให้ไม่มีใครคงความได้เปรียบ อีกทั้งแต่ละปีไทยใช้สิทธิสจีเอสพีส่งออกไปยูเรเซียไม่มากนักราว 130-160 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่กรมได้แจ้งให้ผู้ส่งออกทราบล่วงหน้าหลายเดือนแล้ว เพื่อให้ปรับตัวเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้า เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน ซึ่งผู้ส่งออกไทยส่วนใหญ่ปรับตัวมานานแล้ว และสามารถแข่งขันด้วยสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูง ไม่ได้แข่งขันด้านราคาต่ำเพียงอย่างเดียวเหมือนที่ผ่านมา แต่ก็ได้สอบถามถึงความต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือแล้ว”  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปี 63 ไทยใช้สิทธิส่งออก 133.92 ล้านเหรียญฯ ลดลง 3.81% เทียบกับปี 62 ที่ 139.22 ล้านเหรียญฯ  สินค้าใช้สิทธิสูง เช่น สับปะรดกระป๋อง , พืช/ผลไม้ปรุงแต่ง, ข้าวที่สีบ้างแล้ว/สีทั้งหมด, ซอสและของปรุงแต่งรสสำหรับทำซอส, ยางธรรมชาติที่กำหนดไว้ในทางเทคนิค, ปลาทูน่ากระป๋อง/แปรรูป, เนื้อปลาแบบฟิลเลสด แช่เย็น แช่แข็ง, น้ำผลไม้/น้ำพื่ชผักอื่นๆ, มำนาวและมะนาวฝรั่ง เป็นต้น ขณะที่ช่วง 6 เดือน (ม.ค.-มิ.ย.) ปี 64 ใช้สิทธิ68.62 ล้านเหรียญฯ ลดลง 10.35% จากช่วงเดียวกันของปี 63