ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย เดินหน้าขยายธุรกิจท่ามกลางสภาวะตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงในปี 2562 พร้อมช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทยให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย หวังขยายพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภค ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสภาวะตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค ที่ได้รับอิทธิพลจากเทคโนโลยีดิจิทัล พร้อมกันนี้ยังมุ่งช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทย และลดขยะพลาสติก เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยื

  • ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย เตรียมขยายพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภค ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสภาวะตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค ที่ได้รับอิทธิพลจากเทคโนโลยีดิจิทัล
  • ประชากรจำนวน 24.7 ล้านครัวเรือนในประเทศไทยซื้อผลิตภัณฑ์ของยูนิลีเวอร์มากกว่า 2 ครั้งต่อเดือน โดยมีอัตราการซื้อซ้ำกว่า 99% และผู้บริโภคไทยใช้สินค้าของยูนิลีเวอร์ในชีวิตประจำวัน 3 ครั้งต่อวัน
  • ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทยยังมีการลงทุนในเศรษฐกิจดิจิทัลโดยก่อตั้งศูนย์ดิจิทัลขึ้นในประเทศไทยเพื่อใช้สำหรับการฝึกอบรมทักษะความรู้ด้านดิจิทัลต่าง ๆ สำหรับพนักงาน เพื่อให้สอดคล้องต่อยุค ดิจิทัล ดิสรัปชั่น
  • พร้อมแผนลดขยะพลาสติก หวังสินค้าทั้งหมดเพื่อสิ่งแวดล้อม 100%ใน ปี 2025
มร.โรเบิร์ต แคนเดลิโน

ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ในประเทศไทย และมาเลเซีย สิงค์โปร์ เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา กล่าวว่า ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย ประสบความสำเร็จในการนำหลักการของแผนดำรงชีวิตอย่างยั่งยืนมาใช้ขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจในไทยตั้งแต่ปีที่แล้ว

ด้วยระยะเวลา 87 ปี ในประเทศไทย ยูนิลีเวอร์ นำเสนอสินค้าอุปโภคบริโภคมากมายแก่ผู้บริโภคชาวไทย และได้รับการจัดอันดับให้เป็น บริษัทอันดับหนึ่งที่คนอยากทำงานด้วยมากที่สุดโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน (2559-2561) นอกจากนี้ ยูนิลีเวอร์ เป็นผู้นำตลาดในเซ็กเมนต์สินค้าหลัก 7 ชนิดด้วยกัน คือ น้ำยาซักผ้า แชมพูสระผม ผลิตภัณฑ์ชำระร่างกาย ผงซักฟอก โจ๊ก ไอศกรีม และผลิตภัณฑ์ดูแล

บริษัทมีความภาคภูมิใจที่ 99% ของ 24.7 ล้านครัวเรือนในประเทศไทย ซื้อผลิตภัณฑ์ของยูนิลีเวอร์มากกว่า 2 ครั้งต่อเดือน โดยมีอัตราการซื้อซ้ำกว่า 99% และผู้บริโภคไทยใช้สินค้าของยูนิลีเวอร์ในชีวิตประจำวัน 3 ครั้งต่อวัน

ปีนี้ ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย มองว่า เป็นปีที่ดีมากปีหนึ่งของธุรกิจ โดยจะมีการขยายพอร์ตโฟลิโอสินค้าเพื่อให้ครอบคลุมตลาดมากยิ่งขึ้นและสร้างความตื่นเต้นให้กับธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค

“เราได้ปรับเป้าหมายเพื่อมุ่งเป็นบริษัทที่เน้นในเรื่องวัตถุประสงค์ในการทำธุรกิจให้สอดคล้องกับอนาคต เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและยืนหยัดในธุรกิจในทุกสถาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป” มร แคนเดลิโน กล่าว

มร.โรเบิร์ต แคนเดลิโน

เพื่อให้สอดคล้องต่อยุค ดิจิทัล ดิสรัปชั่น ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทยยังมีการลงทุนในเศรษฐกิจดิจิทัลโดยก่อตั้งศูนย์ดิจิทัลขึ้นในประเทศไทยเพื่อใช้สำหรับการฝึกอบรมทักษะความรู้ด้านดิจิทัลต่าง ๆ สำหรับพนักงาน  

ยูนิลีเวอร์ มีความเชื่อในพื้นฐาน 3 ประการ ที่ใช้เป็นแนวทางในการดำเนินกิจการทางธุรกิจต่าง ๆ โดยบริษัทเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า แบรนด์ที่มีวัตถุประสงค์จะเติบโต บุคลากรที่มีเป้าหมายจะเติบโต และบริษัทที่มีเป้าหมายจะอยู่ได้ยาวนาน

ในการทำธุรกิจท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของตลาดในขณะนี้ ยูนิลีเวอร์ ให้ความสนใจกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในหลายภาคส่วน ได้แก่ ผู้บริโภค ลูกค้า พนักงาน สังคม โลก และผู้ถือหุ้น

ภายใต้โมเดลการทำธุรกิจใหม่นี้ มร. แคนเดลิโน มีความมั่นใจว่า ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย จะสามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคคนไทยได้อย่างดี ท่ามกลางความท้าทายของตลาดที่เพิ่มมากขึ้น

มร.โรเบิร์ต แคนเดลิโน

ในขณะนี้ ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคมีการปรับตัวอย่างรวดเร็ว อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลของเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ผู้บริโภคกำลังมองหาไลฟสไตล์สุขภาพที่ดีขึ้นและมีความตระหนักในเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน นอกจากนี้ การเข้าถึงของสินค้าที่หลายหลายได้ปรับเปลี่ยนไป โดยมีการซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มบนมือถือและอีคอมเมอรช์มากขึ้น ในขณะเดียวกัน ลูกค้ามีความเป็นตัวของตัวเองสูง โดยต้องการสินค้าที่ตนเองชอบ ในเวลาที่ต้องการ และจะซื้อในราคาที่ตนเองอยากจ่ายเท่านั้น

เมื่อปี 2561 ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย ได้นำแผนดำรงชีวิตอย่างยั่งยืน (Unilever Sustainable Living Plan) มาใช้ขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะพัฒนาสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้บริโภค ยกระดับคุณภาพชีวิต และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ด้วยการเป็นบริษัทที่มีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจ ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทย และมีส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนทั่วประเทศไทย ผ่านการจ้างงาน สร้างอาชีพ และฝึกอบรม เพื่อสนับสนุนความหลายหลายบุคลากรและอาชีพ นอกจากนี้ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย ยังมีโครงการ “ร้านติดดาว” และ“ไอ แอม วอลล์” ซึ่งจะฉลองครบรอบ 30 ปี สำหรับรถเข็นไอศครีมวอลล์ ในปีนี้ และจะยังคงดำเนินโครงการ “ร้านติดดาว” ต่อไปด้วย

“ร้านติดดาว” มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยร้านขายของชำเติบโตได้อย่างยั่งยืน เพราะเป็นธุรกิจในระดับรากหญ้าและแก่นของเศรษฐกิจไทย ร้านติดดาว จะได้รับองค์ความรู้จากยูนิลีเวอร์และการสนับสนุนทางการตลาด รวมถึงเทคนิคการบริหารจัดการร้านและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยเสริมสร้างวิถีชีวิตของคนไทยและสร้างรายได้ของผู้ประกอบการโชห่วยและครอบครัวอีกด้วย ปัจจุบันมีอยู่ หนึ่งหมื่นกว่า ร้านติดดาวทั่วประเทศ และกำลังจะเพิ่มอีกสามคนในจังหวัดนครราชสีมา ร้อยเอ็ดและนครสวรรค์

ผลิตภัณฑ์ยูนิลีเวอร์

“ไอ แอม วอลล์ แมน” มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมอาชีพสำหรับคนไทยที่ต้องการทำธุรกิจไอศครีมวอลล์ จะได้มีโอกาสทำงานที่ดี มีรายได้ที่มั่นคง และปีนี้จะเป็นปีที่วอลล์ ฉลองครบรอบ 30 ปีของคนขายไอศครีมวอลล์ ขณะนี้ ยูนิลีเวอร์ ได้สร้างงานกว่า 10,000 รายให้คนขายไอศกรีมวอลล์ ทั้งรถเข็น รถสามล้อและเรือ ในการมอบความสุขให้ชุมชนทั่วประเทศ และในบางรายที่ประสบความสำเร็จ คนขายไอศกรีมวอลล์ยังสามารถมีรายได้และปลดภาระหนี้ กลายเป็นผู้ประกอบการไอศครีมที่ประสบความสำเร็จอีกด้วย

มร. แคนเดลิโน ซึ่งดูแลรับผิดชอบ 6 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย ให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืนและสุขภาพ อาทิ เช่น ปัญหาสิ่งแวดล้อมและน้ำ

บริษัท มีความมุ่งมั่นที่จะลดขยะพลาสติก ด้วยการส่งเสริมจิตสำนึกในการลดขยะพลาสติกและมีนโยบายที่จะใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่สามารถรีไซเคิล นำกลับมาใช้ใหม่ และย่อยสลายได้ กับผลิตภัณฑ์ของยูนิลีเวอร์

ที่ยูนิลีเวอร์ พนักงานของเรา มีความสามารถในการทำงาน เพื่อตอบสนองกับอนาคตและช่วยผลักดันการเติบโตของบริษัท ด้วย DNA ที่ไม่หยุดค้นหาสิ่งใหม่ๆ วิเคราะห์ปัญหา พัฒนาศักยภาพ และยกระดับความสามารถให้เท่าทันเทคโนโลยีดิจิทัล

ยูนิลีเวอร์ มีแบรนด์ที่มีวัตถุประสงค์ ที่ช่วยในการเป็นกระบอกเสียงเพื่อแก้ปัญหาในเรื่องสำคัญๆ ของผู้บริโภค และส่งเสริมให้คนไทยได้รับประทานอาหารที่มีสุขภาพและสารอาหารครบครัน บริษัทนำเสนอสินค้าเพื่อสุขภาพ ที่มีปริมาณเกลือและน้ำตาลลดลง พร้อมทั้งมีแคลลอรี่ลดลงอีกด้วย ซึ่งตัวอย่างของแบรนด์ที่มีวัตถุประสงค์ ได้แก่

มร.โรเบิร์ต แคนเดลิโน

1) คนอร์ ทางเลือกอาหารเพื่อสุขภาพจากธรรมชาติ นำเสนอสินค้าอาหารที่มีรสชาติอร่อย สารอาหารครบครันตามหลักโภชนาการ คนอร์ ส่งเสริมเรื่องความสำคัญของการรับประทานอาหารเช้ากับการพัฒนาเยาวชน ทั้งในเรื่องของความแข็งแรงทางร่างกาย โดยเป็นทางเลือกของอาหารเช้าที่สะดวก มีปริมาณเกลือลดลงกว่า 26-28% แต่มีปริมาณวิตามิน B1, B3, B6 และไอโอดีน ในระดับสูง

2) แคมเปญ “โอโม ไบรท์ ฟิวเจอร์ อะคาเดมี” เป็นเวลาสามปีติดต่อกันแล้วที่แคมเปญนี้มีผลในการช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพของผู้คนเพื่ออนาคตที่สดใสกว่าโดยการกระตุ้นให้นักเรียนนักศึกษาไทยมีความมั่นใจมากขึ้นในการใช้ภาษาอังกฤษ จนถึงขณะนี้ แคมเปญมียอดผู้ชมแล้วกว่า 1 ล้านคน และโอโมหวังว่าจะขยายฐานผู้ชมไปให้ถึง 19 ล้านคน

3) ผงซักฟอก “บรีส” ได้เปิดตัวแคมเปญ  “Outdoor Classroom เรียนรู้ เล่น เลอะ เปิดประสบการณ์นอกห้องเรียน” ในปี 2561 เพื่อส่งเสริมให้เด็กๆ ออกไปเล่นกลางแจ้งมากขึ้นและลดการใช้เวลาบนหน้าจอให้น้อยลง โดยบรีสมีความเชื่อว่าการเล่นกลางแจ้งจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาการของเด็กในหลาย ๆ ด้าน ทั้งด้านร่างกาย จิตใจและสังคม บรีสได้ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและผู้มีอิทธิพลต่อแม่ๆในการที่จะส่งเสริมให้เด็กๆ ออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่นการวิ่งออกกำลังกาย หรือการออกไปเที่ยวสวนสัตว์ นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับโรงเรียนในท้องถิ่นส่งเสริมให้คุณครูมีการเรียนการสอนนอกห้องเรียนด้วย

“เรามีความคืบหน้าของแบรนด์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ของผู้บริโภคและเสริมสร้างวิถีชีวิตของคนไทย ในปีนี้ เรามีแผนจะเพิ่มอีกสองแบรนด์ใหม่ที่มีวัตถุประสงค์ คือแบรนด์ “เลิฟ บิวตี้ แพลเน็ต” และ “เซเว่น เจเนอเรชั่น” ในปีนี้