“ยุติธรรม” เผยการระบาดโควิด19 ในทัณฑสถานเริ่มคลี่คลายลง

  • พ้นการระบาดเพิ่ม และไม่ระบาดแล้ว 107 แห่ง
  • เน้นย้ำมาตรการปล่อยตัวผู้พ้นโทษ
  • เพื่อไม่ให้นำเชื้อแพร่สู่ภายนอก

นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษก ศบค.ยธ. เปิดเผยว่า ภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถานวันนี้ ไม่พบเรือนจำระบาดเพิ่มต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 และมีเรือนจำพ้นการระบาดเพิ่ม 1 แห่ง คือ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ส่งผลให้มีเรือนจำสีแดงรวมทั้งสิ้น 35 แห่ง และมีเรือนจำสีขาวที่ไม่มีการแพร่ระบาด 107 แห่ง

ขณะที่ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 398 ราย (พบในเรือนจำสีแดง 395 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 3 ราย) รักษาหายเพิ่ม 710 ราย เสียชีวิต 1 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 7,313 ราย (กลุ่มสีเขียว 82.9% สีเหลือง 16.7% และสีแดง 0.4%) เป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร 383 ราย ปริมณฑล 2,012 ราย และต่างจังหวัด 4,918 ราย โดยมีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 43,098 ราย หรือ 84.3% ของผู้ติดเชื้อสะสม 51,097 ราย เสียชีวิตสะสม 75 ราย คิดเป็นอัตรา 0.1% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด

สำหรับผู้เสียชีวิตในวันนี้ เป็นผู้ต้องขังจากเรือนจำกลางปัตตานี ซึ่งจากข้อมูลพบเป็นกลุ่มเปราะบาง และมีโรคประจำตัว แม้ว่าได้ดำเนินการดูแลรักษาอย่างเต็มประสิทธิภาพตามมาตรฐานโดยทีมแพทย์ และมีการส่งต่อการรักษายังโรงพยาบาลภายนอกแล้ว แต่อาการยังคงไม่ดีขึ้น จนกระทั่งได้เสียชีวิตลง ทั้งนี้ ได้ประสานญาติเพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาตามวิธีการจัดการศพผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นที่เรียบร้อย

นายวัลลภ กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ศบค.ยธ. โดยปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานการประชุม ได้เน้นย้ำใน 3 ประเด็น คือ 1.การคัดกรองผู้ติดเชื้อที่ต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการนำเครื่องเอกซเรย์พระราชทานมาใช้ให้ทันภายในสัปดาห์แรกหลังพบการระบาด เพื่อรับการรักษาและรับยาที่รวดเร็ว ซึ่งจะช่วยลดความรุนแรงของโรค ลดการเสียชีวิต และควบคุมการระบาดได้เร็วขึ้น 2.การจัดเตรียมและให้ยาฟ้าทะลายโจร ตามข้อสั่งการของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ทั้งเพื่อการเสริมภูมิคุ้มกัน และลดความรุนแรงของโรค พร้อมเตรียมสำรองไว้แก่ผู้ต้องขังทุกราย อย่างน้อยรายละ 50 แคปซูล และ 3.การเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตัวผู้พ้นโทษตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2564 ที่จะต้องดำเนินการแยกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่ไม่ติดเชื้อ และกลุ่มที่ยังติดเชื้ออยู่ที่จะต้องได้รับการรักษาหรือส่งต่อการรักษาอย่างถูกต้องตามกระบวนการของกระทรวงสาธารณสุข ส่วนในกลุ่มที่ไม่ติดเชื้อจะต้องได้รับการตรวจหาเชื้อและแยกกักตัวเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วัน รวมทั้งตรวจซ้ำเป็นระยะ เพื่อยืนยันผลก่อนปล่อย หากตรวจพบว่าติดเชื้อจะเข้าสู่กระบวนการดูแลผู้ติดเชื้อตามที่กำหนด เพื่อไม่ให้มีการนำเชื้อไปแพร่ระบาดภายนอกเรือนจำโดยเด็ดขาด

ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำวันอังคารที่ 10 สิงหาคม 2564 ไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม โดยมีผู้ติดเชื้ออยู่ระหว่างการรักษาตัวทั้งหมด 54 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ 17 ราย และเด็ก/เยาวชน 37 ราย ขณะที่ผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีจำนวน 46 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 10 แห่ง อยู่ระหว่างการรอตรวจและรอผล 3 แห่ง และติดเชื้อ 7 แห่ง สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชนคงที่ 121 ราย หรือคิดเป็น 2.87% จากทั้งหมด 4,215 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเป็น 3,794 ราย หรือคิดเป็น 87% จากทั้งหมด 4,351 ราย