ยำใหญ่ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศที่น่าสนใจ EP.2

.UN แนะอังกฤษเร่งทำข้อตกลง Brexit

องค์การสหประชาติ (UN) ระบุว่า อังกฤษมีกำหนดออกจากสหภาพยุโรป (EU) ในระยะเวลาอันใกล้นี้ หรือเลยกำหนดอีกครั้งแล้วหลังวันที่ 31ต.ค.แต่อังกฤษก็ควรต้องเร่งทำข้อตกลงทวิภาคีกับชาติอื่นๆที่ให้สิทธิพิเศษแก่ประ เทศใน EU เพื่อให้อังกฤษยังสามารถเข้าถึงตลาดต่างๆได้

ที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) เปิดเผยข้อมูลว่า “แม้จะมีการทำข้อตกลงการค้ากับหลายประเทศ แต่สินค้าส่งออกของอังกฤษไปยังประเทศนอกกลุ่ม EU ยังคงเผชิญกับความเสี่ยงที่ภาษีจะปรับตัวขึ้น อาทิ ตุรกี แอฟริกาใต้ แคนาดา และเม็กซิโก”

รายงานของ UNCTAD ระบุว่า หากอังกฤษไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเหล่านี้ได้ทันวันที่ 31 ต.ค. อังกฤษจะสูญเสียมูลค่าการส่งออกเกือบ 2,000 ล้านเหรียญโดยสินค้าจำพวกเครื่องแต่งกาย ยานยนต์ และอาหารสำเร็จรูป อาจต้องรับภาระจากภาษีที่เพิ่มขึ้น รายงานนี้มีขึ้นหลัง EU ้บรรลุข้อตกลงกับพันธมิตรหลากหลายประเทศ อาทิ เวียดนาม และกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคอเมริกาใต้ (MERCOSUR)

UNCTAD ระบุว่า หากข้อตกลงเหล่านี้ไม่สอดคล้องกับข้อตกลงของอังกฤษ อาจส่งผลให้อังกฤษสูญเสียมูลค่าการส่งออกมากขึ้น ทั้งนี้การแยกตัวออกจาก EU โดยปราศจากข้อตกลงจะส่งผลให้อังกฤษสูญเสียมูลค่าการส่งออกอย่างน้อย 16,000 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็นสัดส่วน 7% ของยอดการส่งออกไปยัง EU โดยคาดว่า สินค้าที่อังกฤษจะสูญเสียในตลาด EU นั้น จะเป็นยานยนต์ (5,000 ล้าเหรียญ), สินค้าสำหรับสัตว์ (2,000 ล้านเหรียญ) เครื่องแต่งกายและผ้า (2,000 ล้านเหรียญ)

.แบ่งงบ 3,600 ล้านเหรียญสร้างกำแพง

สื่อสหรัฐอ้างอิงแหล่งข่าวใกล้ชิดรัฐบาลว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ เตรียมโยกย้ายงบประมาณ 3,600 ล้านเหรียญจากกระทรวงกลาโหม เพื่อนำไปใช้ในการก่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก ทั้งนี้นายมาร์ก เอสเปอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ได้แจ้งให้บรรดาแกนนำส.ส.และส.ว.ในสภาคองเกรส ซึ่งรวมถึงนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาสหรัฐ ทราบว่า รัฐ บาลได้ตัดสินใจจะโยกงบประมาณจากโครงการก่อสร้างทางการทหารไปยังโครงการด้านชายแดนแทน และราวครึ่งหนึ่งจะมาจากโครงการก่อสร้างทางการทหารนอกสหรัฐ และอีกครึ่งหนึ่งจากโครงการของเพนตากอน

“ประธานาธิบดีกำลังพยายามช่วงชิงอำนาจสภาคองเกรสในเรื่องการจัดสรรงบประมาณ และแย่งชิงงบประ มาณที่สำคัญไปจากกองทัพของเรา การขโมยงบประมาณซึ่งสำคัญอย่างมากจากกระทรวงกลาโหมถือเป็นการดูหมิ่น ข้าราชการทหารของเรา และสภาคองเกรสขอคัดค้านการนำงบประมาณใดๆ ก็ตามไปใช้ในการก่อสร้างกำแพงใหม่”

ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติเมื่อเดือนก.พ. โดยสั่งให้นำเงินงบประมาณจากส่วนอื่นๆ มาใช้ในการสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก โดยนอกจากโครงการก่อสร้างทางการทหารแล้ว กระทรวงการคลังสห รัฐและกลาโหมยังพยายามยับยั้งการค้ายาเสพติดก็ได้รับผลกระทบจากคำสั่งของปธน.ด้วยเช่นกัน

.บริษัทยักษ์ใหญ่ร่วมรับมือก่อนเลือกตั้ง 63

สื่อต่างประเทศหลายแห่งซึ่งรวมถึงนิวยอร์กไทม์ส และซีเอ็นบีซี รายงานว่า ตัวแทนจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่สหรัฐ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานรัฐบาล ร่วมประชุมกันที่สำนักงานใหญ่ของเฟซบุ๊กเมื่อวานนี้ เพื่อหารือเรื่องความปลอดภัยก่อนที่จะถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2563 ตัวแทนจากกูเกิล ไมโครซอฟท์ ทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊ก พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐ (DHS) และสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) และผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐ(DNI)ร่วมประชุมกันเพื่อหารือถึงการเตรียมความพร้อม ก่อนหน้าการเลือกตั้งสหรัฐปี 2563 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความปลอดภัยที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง และการให้ข้อมูลเท็จทางการเมืองที่คล้ายคลึงกับที่รัสเซียเคยทำเมื่อช่วง ก่อนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2559

.สั่งรัฐวิสาหกิจอัดฉีด 1 ล้านล้านวอนกระตุ้นเศรษฐกิจ

รัฐบาลเกาหลีใต้ได้สั่งการให้บรรดารัฐวิสาหกิจเพิ่มการใช้จ่ายอีก 1 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 824.63 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังจากกิจกรรมในภาคเอกชนชะลอตัว

ฮง นัม-กี

นายฮง นัม-กี รัฐมนตรีคลังเกาหลีใต้ ได้แจ้งให้องค์กรรัฐวิสาหกิจ 137 แห่งที่เข้าร่วมประชุมในวันนี้ เพิ่มการใช้จ่ายด้านการลงทุนอีก 1 ล้านล้านวอนในปีนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้เม็ดเงินลงทุนโดยรวมในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 55 ล้านล้านวอน ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 1% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ซึ่งชะลอตัวลงจากตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ระบุว่า GDP ขยายตัว 1.1%  พร้อมระบุสาเหตุที่ทำให้ GDP ไตรมาส 2 ชะลอตัวลง มาจากการส่งออกที่ซบเซาลง โดยยอดส่งออกในเดือนส.ค.ร่วงลง 13.6% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 9 เดือน เนื่องจากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งข้อพิพาทการค้าระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่น

.อาร์เจนตินาใช้มาตรการควบคุมเงินทุน

รัฐบาลอาร์เจนตินา ประกาศใช้มาตรการควบคุมเงินทุน (Capital Controls) เพื่อป้องกันการทรุดตัวของทุน สำรองเงินตราต่างประเทศและค่าเงินเปโซ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ การร่วงลงของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศและค่าเงินเปโซส่งผลให้อาร์เจนตินามีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้

มาตรการควบคุมเงินทุนที่ประกาศใช้ในครั้งนี้ ครอบคลุมถึงการกำหนดให้กลุ่มผู้ส่งออกนำเงินรายได้ในรูปสกุลเงินต่างประเทศ กลับมายังอาร์เจนตินา ขณะที่สถาบันการเงินต่างๆ จะต้องได้รับอนุญาตจากธนาคารกลางก่อน ที่จะเข้าซื้อสกุลเงินดอลลาร์ในตลาด ปริวรรตเงินตราต่างประเทศ ยกเว้นในกรณีทำการค้ากับต่างชาติ ส่วนประชาชนชาวอาร์เจนตินาจะถูกจำกัดการซื้อสกุลเงินดอลลาร์ในวงเงินไม่เกิน 10,000 เหรียญต่อเดือน

การประกาศใช้มาตรการควบคุมเงินทุนเกิดขึ้นหลังจากสกุลเงินเปโซของ อาร์เจนตินาร่วงลงจนยากแก่การควบคุมส่งผลให้เม็ดเงินในทุนสำรองเงินตราต่างประเทศลดลงถึง 3,000 ล้านเหรียญเฉพาะในช่วงวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่รัฐบาลกำลังประสบความยากลำบากในการจ่ายเงินค่าไถ่ถอนตราสารหนี้ระยะยาว และสกัดการร่วงลงของสกุลเงินเปโซ น่ันทำให้สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะยาวของอาร์เจนติ นาลงอีก 3 ขั้น สู่ระดับต่ำสุดของอันดับขยะ (junk) โดยระบุว่า แผนการของรัฐบาลอาร์เจนตินาที่จะขยายเวลาไถ่ถอนตราสารหนี้นั้น ทำให้เกิดภาวะผิดนัดชำระหนี้ชั่วคราว

.จับตาดู“จีน”ผลิต“ทุเรียน”เอง

น.ส.วรรณลดา รัตนพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองหนานหนิง สาธารณรัฐประชาชนจีน เปิดเผยว่า ได้ติดตามความคืบหน้าการเพาะปลูกทุเรียนในมณฑลไหหลำ โดยเมื่อเร็วๆ นี้มีการทดลองปลูกทุเรียนประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรก โดยมีบริษัทเอกชนทดลองนำต้นทุเรียนพันธุ์ Sanno จำนวน  20 ต้นจากประเทศมาเลเซียมาทดลองปลูกที่เมืองซานย่า มณฑลไหหลำ และได้ผลเป็นที่น่าพอใจ

อย่างไรก็ตาม แม้มณฑลไหหลำจะยังไม่สามารถผลิตทุเรียนเข้าตลาดได้อย่างจริงจัง แต่หากมีการวิจัยิและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการคัดพัฒนาสายพันธุ์ให้เหมาะสมกับการเพาะปลูกในพื้นที่เกษตรกรรมจริง ทุเรียนที่ผลิตจากมณฑลไหหลำ อาจสามารถเข้ามาแย่งตลาดทุเรียนสดในจีนได้ ซึ่งผู้ส่งออกทุเรียนของไทยต้องรักษาคุณภาพของสินค้าว่า ทุเรียนไทยเป็นสินค้าเกรดพรีเมี่ยม รสชาติดี คุณภาพสูง เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดในจีนเอาในปัจจุบันไว้