ยอดมือถือหัวเว่ยไทยทรุด50%

ความเชื่อมั่นถดถอยแต่ยังไม่มีแคมเปญพิเศษกระตุ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐอเมริกา ได้ออกคำสั่งทางบริหารให้บริษัทในสหรัฐอเมริกายุติการทำธุรกิจร่วมกับบริษัทต่างชาติที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ อันทำให้กูเกิลได้ประกาศยุติการทำธุรกิจกับหัวเว่ย ยักษ์โทรคมนาคมจากจีนในท้นที จนภายหลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯได้ออกประกาศให้เวลาทั้ง 2 คู่ค้าเตรียมความพร้อมและรับมือกับผลกระทบทีจะเกิดขึ้นกับลูกค้าของทั้ง 2 ฝ่ายเป็นเวลา 90 วันนั้น

คำสั่งและท่าทีของกูเกิล ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในแบรนด์หัวเว่ยทันที โดยเฉพาะมือถือ เนื่องจากการที่กูเกิลประกาศยุติการทำธุรกิจร่วมกับหัวเว่ยนั้น อาจทำให้ผู้ใช้มือถือหัวเว่ยไม่สามารถเข้าถึงแอพพลิเคชั่นยอดนิยมต่างๆ ของกูเกิล ไม่ว่าจะเป็น กูเกิล เพลย์สโตร์, กูเกิลแม็ป รวมท้้งยูทูป เป็นต้น และยังอาจไม่สามารถ
อัพเดทการใช้งานด้านความปลอดภัยในเวอร์ชันล่าสุดได้ด้วย

ข้อวิตกกังวลดังกล่าวเกิดขึ้นกับผู้ใช้มือถือหัวเว่ยทั่วโลก จนมีข่าวปรากฎในสื่อต่างประเทศ ได้แก่ เว็บไซต์ฟอร์บส์ รวมทั้งหนังสือพิมพ์สิงคโปร์ สเตรทไทม์ มีเนื้อหาใกล้เคียงกัน โดยระบุว่าราคามือถือหัวเว่ยในตลาดมือสอง ตกต่ำลงอย่างมาก ขณะที่ราคาของซัมซุงยังอยู่ในระดับเดิม สำนักข่าวบลูมเบิร์กยังรายงานบทสัมภาษณ์
โฆษกของเว็บ WeBuyTek ระบุสัปดาห์ก่อนหน้ามีคนเอามือถือหัวเว่ยมาปล่อยขายเพิ่มขึ้น 540% แต่ยอดคนสนใจคลิกเข้าชมลดลง 46% ขณะที่ยอดคลิกของซัมซุงเพิ่มขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมจากการสอบถามไปยังตัวแทนจำหน่ายมือถือหัวเว่ยในไทย 2-3 รายพบว่า ยอดขายในประเทศไทยลดลงวันละ 50% แล้ว โดยในช่วงแรกที่เกิดเหตุการณ์ยอดขายลดลงประมาณ 15% แต่ขณะนี้ลดลงครึ่งหนึ่งจากที่เคยขายได้ เนื่องจากความเชื่อมั่นที่ถดถอยลง อย่างไรก็ตามจากการสอบถามการเดิน
หน้าทำโปรโมชั่น แคมเปญเพื่อกระตุ้นยอดขายยังคงเป็นไปในแนวทางเดิม ยังไม่มีการเคลื่อนไหวด้านการขายและการตลาดที่เปลี่ยนแปลงอันเป็นนัยสำคัญ