มีเหตุผล ! “ศุภชัย” ชี้ ไทยกล้าเปิดเมือง หลัง “อนุทิน – ทีม สธ.” ฉีดวัคซีนได้ตามเป้า

12 ตุลาคม 2564 นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อและนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว ระบุว่า

เพราะมั่นใจทีมวัคซีนไทย

ประเทศไทย กำลังจะคลายล็อก ให้ภาคการท่องเที่ยวขยับครั้งใหญ่ การตัดสินใจของประเทศครั้งสำคัญ มาจากการประเมินสถานการณ์จริง โดยเฉพาะหัวใจของเรื่องนี้ คือ การบริหารวัคซีน ซึ่งประเทศไทย โดยกระทรวงสาธารณสุข ที่มีรัฐมนตรีชื่ออนุทิน ชาญวีรกูล สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความมั่นใจตรงนี้ ผมรับรู้ได้จากหลายคน ที่พูดตรงกันว่า สถานการณ์วัคซีนของไทยนั้น ดีขึ้นมากๆ และอยู่ในจุดที่มีเสถียรภาพแล้ว

เราวางแผนไว้ว่า จะฉีดวัคซีนให้ได้ 100 ล้านโดส ในปีนี้ เพื่อให้คนไทย 70% ได้รับวัคซีน ซึ่งจะสร้างภูมิคุ้มกันระดับกันป่วยหนัก ไปจนถึงกันเสียชีวิตได้ดีมากๆ แผนการดังกล่าวเข้าใกล้ความเป็นจริงมากขึ้นเรื่อยๆ จากการเร่งจัดหาวัคซีน ไปจนถึงเร่งให้บริการ

การจะรับนักท่องเที่ยววันที่ 1 พฤศจิกาฯ นี้ และ 1 ธันวาฯ จะให้ดื่มในร้านได้ ถึงวันนั้น น่าจะประเมินแล้วว่า สามารถฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมายที่วางไว้แล้ว

ปัจจุบัน ประเทศไทยบรรลุสัญญาการจัดหาวัคซีน ที่จะส่งมอบในปี 2564 อยู่ที่มากกว่า 150 ล้านโดส ทั้งวัคซีนจากการซื้อ และวัคซีนที่ได้รับการสนับสนุนจากมิตรประเทศ

ในปี 2565 เราได้บรรลุสัญญาซื้อวัคซีนกับแอสตร้าฯ เพิ่มเติมมาอีก 60 ล้านโดส

เท่ากับตามสัญญา เรามีวัคซีนอยู่ในมือแล้วกว่า 200 ล้านโดสแน่ๆ และที่สำคัญ เราได้รับวัคซีนเข้าสู่ระบบบริการอย่างต่อเนื่อง เดือนกันยายนที่ผ่านมา มีวัคซีนเข้ามาในระบบการให้บริการประมาณ 16 ล้านโดส ขณะที่ในเดือน ตุลาคม ไปจนถึงเดือนธันวา เราจะมีวัคซีนเข้ามาในระบบเดือนละกว่า 20 ล้านโดส จนบางคนเริ่มสงสัยว่า เราอาจจะฉีดไม่ทัน เสียด้วยซ้ำ ซึ่งข้อสงสัยตรงนี้ ก็น่าจะเคลียร์ไปแล้ว เมื่อวันที่ “มหิดล” ที่ผ่านมา ซึ่งเราสามารถเร่งฉีดให้ได้ถึง 1 ล้านโดสต่อวัน ปัจจุบันนี้ ท่านรัฐมนตรี มีนโยบายให้ รพ.สต. สามารถฉีดวัคซีนได้ จึงทำให้ศักยภาพการให้บริการสูงขึ้น ทั้งยังเป็นการทำงานเชิงรุก นัยยะคือ ระบบบริการของไทย รองรับวัคซีนที่ทยอยเข้ามาได้อย่างแน่นอน

ในสัปดาห์นี้ เราน่าจะฉีดได้ถึง 60 ล้านโดส แน่นอน และกว่าจะถึงวันที่ 1 เดือน 11 ก็น่าจะฉีดได้ถึง 70 ล้านโดส นับว่าเป็นยอดการฉีดที่สูงพอสมควร

ถ้าเรามองภาพรวมทั้งหมด ต้องบอกว่า ระบบให้บริการวัคซีนของไทยนั้น ไม่ได้เป็นรองใครแล้ว ผ่านการปรับปรุง พัฒนา จากวิกฤติที่ผ่านมา ต้องขอบคุณ คนทำงานทุกท่านที่ช่วยกันอย่างสุดความสามารถ

เรื่องวัคซีน ท่านรองฯนายกอนุทิน กระทรวงสาธารณสุข และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ช่วยกันพัฒนาให้ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม มีเบื้องหลังที่หยาดเหงื่อ ความทุ่มเท ความพยายามทั้งการวางแผนจัดหา และให้บริการ

ดังนั้น ก็อย่าแปลกใจ หากไทย จะมองถึงการคลายล็อกฟื้นเศรษฐกิจ เพราะผลงานของทีมวัคซีนไทยแลนด์ ได้สร้างความเชื่อมั่น ให้คนไทยได้ก้าวต่อไป

เพราะเชื่อมั่น_จึงมั่นใจ