มาตรการกระตุ้นอสังหาฯภาครัฐแววดี ปลุกตลาดที่อยู่อาศัยกลับมาคึกคักอีกครั้ง

  • แสนสิริ” มองมาตรการลดค่าโอน-จดจำนอง มีผลในทางที่ดี
  • กระตุ้นตลาดอสังหาฯได้ ล่าสุดลุยจัดหนักปล่อย 4 โครงการร่วมทุน “บีทีเอส”
  • ปลุกตลาดไตรมาส 4 คึกคักส่งท้ายปี ดันยอดขาย-ยอดโอน เข้าเป้าแน่

น.ส.วรางคณา อัครสถาพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานการเงินและพัฒนาธุรกิจใหม่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมรัพย์ ที่รัฐบาลลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอน และค่าจดทะเบียนการจำนองเหลือ 0.01% นั้น ถือว่าเป็นผลดีช่วยกระตุ้นตลาดได้ โดยเชื่อว่าจะช่วยให้ผู้ที่ต้องการหาซื้อที่อยู่อาศัยตัดสินใจซื้อและโอนกรรมสิทธิ์เร็วขึ้น รวมถึงช่วยเสริมสร้างบรรยากาศการซื้อขายโค้งสุดท้ายปีนี้ให้มีความคึกคักมากขึ้น

ในส่วนของบริษัทมี 17 โครงการที่เข้าร่วมได้ คือมีราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท มูลค่ารวม 3,500 ล้านบาท หรือเป็นยูนิตจำนวน 1,644 ยูนิต แบ่งเป็นประเภทสินค้าแนวราบ (บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝด) มูลค่า 2,150 ล้านบาท และแนวสูง คอนโดมิเนียม มูลค่า 1,350 ล้านบาท

ทั้งนี้ล่าสุดช่วงไตรมาส 4 ปีนี้บริษัทยังเตรียมโอน 4 คอนโดมิเนียม ที่เป็นโครงการที่พัฒนาร่วมกับบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) บริษัทในเครือกลุ่มบริษัทบีทีเอส ประกอบด้วย เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101 ที่กวาดยอดขายไปแล้ว 65% หรือ 3,000 ล้านบาท, เดอะ ไลน์ พหลโยธิน-ประดิพัทธ์ ทำยอดขายได้กว่า 70% หรือ 4,100 ล้านบาท, คุณ บาย ยู อินสไปร์ บาย สตาร์ค ทำยอดขายได้ 70% หรือ 2,800 ล้านบาท และ เดอะ เบส เพชรเกษม ทำยอดขายได้ 80% หรือ 1,600 ล้านบาท โดยบริษัทตั้งเป้าทั้ง 4 โครงการ กวาดยอดขายพร้อมโอนปีนี้มูลค่าสูงกว่า 11,500 ล้านบาท 

น.ส.วรางคณา กล่าวว่า ปัจจุบันแสนสิริสร้างยอดขายตั้งแต่ (ม.ค.-20 ต.ค.62) อยู่ที่ 15,500 ล้านบาท ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะทำยอดขายปีนี้ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 30,000 ล้านบาท เนื่องด้วยในช่วงไตรมาส 4 มีจำนวนโครงการเปิดตัว และสร้างแล้วเสร็จพร้อมขาย เป็นจำนวนมากกว่าไตรมาสอื่นๆ ในส่วนด้านยอดโอน ณ เดือน ม.ค. -20 ต.ค.62 อยู่ที่ 16,600 ล้านบาท โดยเป้าหมายที่วางไว้ของปีนี้อยู่ที่ 32,000 ล้านบาท ซึ่งก็เชื่อว่าปิดไตรมาส 4 จะทำได้ตามเป้า เนื่องด้วยแค่ในกลุ่มคอนโดมิเนียมก็มีถึง 9 โครงการที่พร้อมให้ลูกค้ารับโอน 

“กลุ่มบริษัทบีทีเอสและแสนสิริ ผนึกกำลังกันมากว่า 5 ปี ในการพัฒนาคอนโดฯแนวรถไฟฟ้า โดยปัจจุบันร่วมกันพัฒนาไปแล้ว 14 โครงการ จากแปลงที่ดินที่เตรียมไว้ประมาณ 26 แปลง ซึ่งเร็วๆนี้ก็เตรียมพัฒนาโครงการเพิ่มที่ซอยสุขุมวิท 38 เจาะตลาดซูเปอร์ลักชัวรี มั่นใจว่าผลกำไรปีนี้ของการร่วมมือกันจะเป็นตามเป้าที่ 1,000 ล้านบาทได้แน่นอน” 

สำหรับในส่วนของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ 1 ม.ค.63 น.ส.วรางคณา กล่าวว่า ในส่วนของผู้ประกอบการก็มีผลกระทบอยู่บ้าง โดยบริษัทจะเน้นซื้อที่ดินแล้วพัฒนาโครงการเลย ไม่ซื้อที่ดินตุนไว้เยอะ