มั่นใจครึ่งหลังปีนี้สิงคโปร์นำเข้าข้าวไทยเพิ่ม

.หลังเปิดประเทศรับโควิด-19คลี่คลาย

.ดันความต้องการบริโภคทะยาน 2%

.ส่วน 7 เดือนแรกไทยส่งออกแล้วกว่า 4 ล้านตัน

นายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมการค้าต่างประเทศ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย และสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ กรุงสิงคโปร์ ได้หารือร่วมกับสมาคมผู้นำเข้าข้าวสิงคโปร์ ผ่านระบบการประชุมทางไกล เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า แลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์การค้าข้าว และข้อมูลตลาดข้าวในสิงคโปร์ รวมทั้งเพื่อผลักดันการส่งออกข้าวไทยไปสิงคโปร์ในช่วงครึ่งหลังของปี 65

ทั้งนี้ ได้รับทราบข้อมูลว่า สิงคโปร์เปิดประเทศภายหลังโควิด-19 คลี่คลายแล้ว จึงทำให้ตัวเลขการนำเข้าข้าวไทยเพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่คาดว่า หลังจากนี้จะนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้น เพราะข้าวไทยยังคงเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค ที่ส่วนใหญ่นิยมบริโภคข้าวไทย และเชื่อมั่นในคุณภาพมาตรฐานของข้าวไทย แต่ราคายังคงเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจนำเข้าข้าวจากต่างประเทศ ซึ่งได้เน้นย้ำกับสิงคโปร์ว่า ไทยมีผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้นจากปริมาณน้ำฝนที่มีเพียงพอต่อการเพาะปลูก รวมทั้งราคาปัจจุบันอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้ และไทยมีความพร้อมจัดส่งข้าวคุณภาพดี เพื่อเป็นแหล่งความมั่นคงทางด้านอาหารให้แก่สิงคโปร์

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ โดย สคต. ณ กรุงสิงคโปร์ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมตลาดและประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในสิงคโปร์อย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ในสิงคโปร์ รวมถึงจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับแพลตฟอร์มออนไลน์ Lazada/Redmart ตลอดจนจัดกิจกรรมจับคู่เจรจาทางธุรกิจผ่านทางออนไลน์ระหว่างผู้ส่งออกไทยและผู้ซื้อสิงคโปร์   และการมอบตราสัญลักษณ์ Thai Select ให้แก่ร้านอาหารไทยในสิงคโปร์ เพื่อประชาสัมพันธ์และกระตุ้นยอดขายสินค้าไทยรวมถึงข้าวไทยในสิงคโปร์เพิ่มขึ้น

“ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ มั่นใจว่า ไทยจะส่งออกข้าวไปสิงคโปร์ได้เพิ่มขึ้น เพราะความต้องการที่เพิ่มขึ้น และราคาข้าวไทยที่สามารถแข่งขันกับข้าวของคู่แข่งได้มากขึ้น และจะทำให้ภาพรวมการส่งออกข้าวไทยปีนี้ได้ถึง 7.5 ล้านตันได้แน่นอน จากในช่วง 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.) ปีนี้ ไทยส่งออกได้แล้ว 4.92 ล้านตัน มูลค่า 2,538 ล้านเหรียญสหรัฐ ประมาณ 86,064 ล้านบาท โดยปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้น 51.37% และ 30.47% ตามลำดับจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง และผลผลิตข้าวไทยที่ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น”