“มั่นคงเคหะการ” ได้ฤกษ์เปิดตัว “สำนักงานใหม่” ปักหมุดเลือกทำเลทอง

  • ชูศูนย์กลางเศรษฐกิจกรุงเทพฯ บนถนนสุรวงศ์
  • เดินหน้าสร้างวัฒนธรรมองค์กรแนวใหม่ ปลูกฝังสุขภาวะที่ดีให้อยู่ใน DNA พนักงาน
  • หวังสร้างสุขในการทำงาน – ส่งต่อไปยังผู้บริโภคในรูปแบบการพัฒนาโครงการ

นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยถึงเหตุผลในการย้ายสำนักงานใหม่ มาที่ถนนสุรวงค์ในครั้งนี้ว่า เนื่องจากบริษัทได้ครบสัญญาเช่า 30 ปี กับทางพื้นที่เดิมจึงถือโอกาสนี้ย้ายสำนักงานใหม่อันเป็นก้าวสำคัญของจุดเริ่มต้นการพลิกโฉมครั้งใหญ่ เพื่อเดินหน้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของมั่นคงเคหะการ

วรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ (คนซ้าย) ดุษฎี ตันเจริญ (คนขวา)

“จากประสบการณ์ยาวนาน โดยในช่วงระยะเวลา 4-5 ปีที่ผ่าน บริษัทได้เรียนรู้ที่จะพัฒนาทั้งตัวโปรดักส์, บุคลากรให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น โดยได้มีการนำแนวคิดในเรื่อง Wellbeing หรือ สุขภาวะองค์รวมที่ดี มาปรับใช้ตั้งแต่การดูแลพนักงาน ไปจนถึงการออกแบบดีไซน์พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ที่สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการและเพื่อมอบความสุขให้ผู้อยู่อาศัยในทุกๆ เจเนอเรชั่น”

ทั้งนี้การย้ายสำนักงานใหม่ จึงนับเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจที่มอบให้เป็นของขวัญพนักงาน เพราะเชื่อมั่นว่าพนักงานเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้องค์กรเติบโต การดูแลพนักงานให้มีสุขภาวะที่ดี ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ก็จะส่งผลให้เกิดสภาพแวดล้อมและสังคมที่ดี ตลอดจนสร้างสรรค์ผลงานที่ดีออกมาได้

นายวรสิทธิ์ กล่าวว่า แนวคิดการวางคอนเซปต์ของสำนักงานใหม่ บริษัทยังคงให้ความสำคัญเรื่อง “Wellbeing” โดยตั้งใจจะสร้างให้สถานที่แห่งนี้เป็นที่ทำงานที่สามารถสร้าง “สุขภาวะที่ดีแบบองค์รวม” ในการทำงานให้กับพนักงานทุกคน โดยบริษัทได้เตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อช่วยเสริมให้พนักงานมีสุขภาวะที่ดี ไม่ว่าจะเป็นห้องฟิตเนส, ห้องโยคะ, Rooftop Organic Farm, Co-Wellnest เป็นต้น ทั้งนี้สำนักงานแห่งใหม่ บริษัท มั่นคงเคหะการฯ ตั้งอยู่ที่อาคาร 345 ถนนสุรวงศ์ สูง 8 ชั้น ตัวอาคารออกแบบดีไซน์โดยเน้นโทนสีธรรมชาติ ที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สบายตา

ด้าน น.ส.ดุษฎี ตันเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จะเห็นได้ว่าการย้ายที่ทำการใหม่ของบริษัทครั้งนี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะก้าวสู่การเป็นองค์กร Wellbeing อย่างเต็มตัว เพราะนอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่บริษัทตั้งใจมอบให้แก่พนักงานทุกคนแล้ว ยังมีการปรับวัฒนธรรมองค์กร เน้นการปลูกฝังความเป็น Wellbeing ให้อยู่ใน DNA ของพนักงานผ่านกิจกรรมต่างๆ อาทิ แปลงผักออร์แกนิคบริเวณชั้นดาดฟ้า โดยมีแนวคิดอยากให้พนักงานได้เรียนรู้และใส่ใจเรื่องที่มาของวัตถุดิบในการประกอบอาหาร, Co-Wellnest พื้นที่ที่พนักงานสามารถแลกเปลี่ยนสูตรในการทำอาหารต่างๆ, กิจกรรม Happy Fine Day เวทีที่ให้พนักงานได้มาแสดงความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นเล่นดนตรี ร้องเพลง ทำอาหาร เป็นต้น

“ก้าวต่อไปหลังจากที่สร้างความรู้ความเข้าใจเรื่อง Wellbeing อย่างลงลึก DNA ของพนักงานทุกคนภายในองค์กรแล้ว บริษัทจะมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าโดยให้ความสำคัญในทุกมิติแห่งการอยู่อาศัย เริ่มตั้งแต่ การวางผังโครงการฯ การออกแบบตัวบ้านให้สอดคล้องกับทิศทางลม เพื่อช่วยลดการใช้พลังงาน และช่วยให้ภายในบ้านมีอากาศถ่ายเทที่ดี การออกแบบฟังก์ชั่นพื้นที่ใช้สอยให้โปร่ง โล่ง สบาย การเพิ่มห้องอเนกประสงค์ด้านล่าง ที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนผู้สูงอายุ การเลือกใช้วัสดุที่ช่วยประหยัดพลังงานต่างๆ เช่น กระจกเขียวตัดแสงป้องกันความร้อนจากแสงแดดช่องรับแสงธรรมชาติ และพลังงานโซลาเซลล์ ฯลฯ รวมถึงการจัดกิจกรรมสำหรับลูกบ้านเพื่อให้มีสุขภาวะที่ดี”

ทั้งนี้ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2562 (ม.ค.-ก.ย.62) บริษัทสามารถสร้างรายได้รวมทั้งสิ้น 3,742 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จาก ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย มีรายได้อยู่ที่ 3,237 ล้านบาท และธุรกิจเพื่อเช่าและเพื่อการบริการ 242 ล้านบาท และมีกำไรอยู่ที่ 232.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 172.3 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2561