“มหาเศรษฐีโลก” ฟันธงรัฐบาลมะกันเสี่ยงสูง

  • ประสานเสียง “เศรษฐิจสหรัฐ” ถดถอยชัวร์
  • คาดการณ์เจอมรสุมขาลงยาวนานที่สุด

บรรดามหาเศรษฐี CEO และนักวิชาการระดับหัวกะทิ ต่างออกมาเตือนรัฐบาลสหรัฐว่า เศรษฐกิจของสหรัฐมีความเสี่ยงสูงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในไม่ช้านี้ 

คำเตือนของมหาเศรษฐีเบอร์ต้นๆของสหรัฐ กลายเป็นเสียงประสานเดียวกับบรรดาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) นักลงทุน และสถาบันวิชาการต่างๆ

ที่พร้อมใจกันคาดการณ์ถึงภาวะขาลงทางเศรษฐกิจที่ยาวนานที่สุดในประวัติศา สตร์ ทั้งยังยากที่โลกทั้งใบจะหลีกหนีภาวะวิกฤตหนี้ครั้งใหญ่ได้

หลังจากที่รัฐบาล และธนาคารกลางของสหรัฐ (เฟด) ถูกดดันจากปัจจัยลบหลายประการ รวมถึง การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อชะลออัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเกินกว่าระดับ 5% 

ตลอดจนถึงสงครามระหว่างรัสเซีย กับ ยูเครน ที่ยังไม่มีการเปิดการเจรจากัน แม้สหรัฐจะพยายามกดดัน นายเซเลนสกี ประธานธิบดียูเครนให้หาช่องทาง ในการเจรจากับ ประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซียแล้วก็ตาม ทั้งยังหมายความรวมถึงการล็อกดาวน์เมืองต่างๆของจีนเพื่อให้การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดเป็นศูนย์ (0) ซึ่งส่งผลกระทบต่อการค้าโลกอย่างมาก โดยเฉพาะการจัดหาวัตถุดิบเพื่อผลิตสินค้า 

“ดร.ดูม”ระบุ จะเกิดวิกฤตหนี้ครั้งใหญ่

หัวกะทิฮาร์วาร์ด ชี้ ทั้งโลกสะเทือนหนัก

9 เดือนแรกปี 66 ไม่แน่ได้เห็นจุดต่ำสุด

ทั้งนี้คำเตือนจากบรรดามหาเศรษฐีและกลุ่มคนระดับหัวกะทิทั้ง 12 คนในสหรัฐต่อรัฐบาล เร่ิมตั้งแต่

1.นายเจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้ง และประธานบริษัทแอมะซอน กล่าวว่า

เจฟฟ์ เบซอส

ขณะนี้เศรษฐกิจดูไม่ค่อยดี สิ่งต่าง ๆ เริ่มชะลอตัวลง หลายภาคส่วนต้องปลดพนักงาน หากเศรษฐกิจยังไม่ถดถอยในตอนนี้ ก็น่าจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ ดังนั้นผู้คนจึงควรลดความเสี่ยงของตนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยหวังว่าทุกอย่างจะไปได้สวย แต่ก็ต้องเตรียมตัวสำหรับสถานการณ์ที่แย่ที่สุดไปด้วย และว่า “ความน่าจะเป็นในเศรษฐกิจเช่นนี้บอกให้พวกคุณเตรียมการรับมือกับวิกฤตอย่างไร”

2. นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเทสลา, สเปซเอ็กซ์ และทวิตเตอร์ ให้ความเห็นว่า

อีลอน มัสก์

สหรัฐมีแนวโน้มเผชิญภาวะถดถอยขั้นรุนแรงเป็นเวลานาน 1 หรือ 2 ปี เขากล่าวด้วยว่า “พูดตรง ๆ นะ ภาพเศรษฐกิจในอนาคตนั้นเลวร้ายมาก โดยเฉพาะสำหรับบริษัทอย่างเรา ซึ่งต้องพึ่งพาการโฆษณาอย่างสูง ภายใต้ภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ท้าทาย”

3. นายเคน กริฟฟิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารซิทาเดล กล่าวว่า

เคน กริฟฟิน

การที่เฟดจะเอาชนะเงินเฟ้อได้อย่างแท้จริงน่ะ เราจะต้องทำให้อัตราว่างงานเคลื่อนไหวที่กรอบกลางของอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 4% ก่อน “สำหรับผม มันยากที่จะเชื่อว่า เราจะไม่เผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงนั้น ซึ่งจะตรงกับช่วงกลางปี ไปจนถึงครึ่งหลังของปี 2566″

4. นายชาร์ลี มังเกอร์ หุ้นส่วนธุรกิจของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ และรองประ ธานบริษัท เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ อิงค์ กล่าวว่า

ชาร์ลี มังเกอร์

ผม คิดว่า เฟดเต็มใจที่จะปล่อยให้เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอยเล็กน้อย เพื่อไม่ให้เกิดภาวะเงินเฟ้อสูงจนหลุดการควบคุม นั่นคือ สิ่งที่เฟดควรจะทำ ส่วนผม ได้แต่หวังว่า พวกเขาควรจะไม่เป็นคนที่ดื่มจนเมามายเมื่ออยู่ในงานเลี้ยงนั่นหมายความว่า เฟดน่าจะควบคุมสถานการณ์ต่างๆได้

5. นายคาร์ล ไอคาห์น ประธานไอคาห์น เอนเตอร์ไพรเซส กล่าวว่า

คาร์ล ไอคาห์น

เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเผชิญอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ คุณก็จะเผชิญกับเส้นอัตราผลตอบแทนแบบผกผัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเคลื่อนไหวใกล้ระดับ 5% ซึ่งเป็นระดับที่บ่งชี้ว่า… 

คุณจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย และผมคิดว่า เราตกอยู่ภายใต้ภาวะถดถอยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจำเป็นต้องจัดการหลายสิ่งหลายอย่าง เพื่อนำพาเราออกจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย เช่นนี้

6. นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกนเชส กล่าวว่า

เจมี ไดมอน

มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะถดถอยเล็กน้อย โดยดัชนีผู้บริโภคอยู่ในเกณฑ์ดีมาก บริษัทต่าง ๆ ก็อยู่ในเกณฑ์ดีมากๆ แต่ก็มีปัจจัยลบอื่น ส่วนใหญ่เป็นเพราะสงครามในยูเครน และราคาน้ำมัน

7. นายเดวิด โซโลมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโกลด์แมน แซคส์ ให้ความเห็นว่า

เดวิด โซโลมอน

โดยทั่วไปแล้ว เมื่อคุณตกอยู่ในสถานการณ์เศรษฐกิจที่เงินเฟ้อหยั่งรากลึกเช่นนี้ ก็เป็นเรื่องยากมากที่จะหลุดพ้นจากภาวะการณ์ดังกล่าวได้โดยไม่ปล่อยให้เศรษฐกิจที่แท้จริงชะลอตัว ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้สูงมากที่สหรัฐจะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย

8. นายเจฟฟ์ กันด์ลัค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทดับเบิลไลน์ แคปิตอล

เจฟฟ์ กันด์ลัค

มีโอกาส 60% ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยในช่วง 6 – 8 เดือนข้างหน้า และ สำหรับปี 2566 ผมให้น้ำหนักมากขึ้นที่80% นายเจฟฟ์ กล่าว

9. นายลีออน คูเปอร์แมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทโอเมก้า แอดไวเซอร์ส กล่าวว่า

ลีออน คูเปอร์แมน

การคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟด เช่น การคุมเข้มเชิงปริมาณ การแข็งค่าของดอลลาร์ และราคาน้ำมันที่แพงขึ้น จะเป็นปัจจัยที่ทำให้สหรัฐเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 

“เราคาดว่า อุปสงค์จะสูงกว่าที่ควรจะเป็น เพราะนโยบายการคลังและการเงินที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงก่อให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อต่อเนื่องอีก”

10. นายเกร็ก เจนเซ่น ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศร่วมของ บริษัทบริดจ์ วอเตอร์ แอสโซซิเอตส์ ให้ความเห็นว่า

เกร็ก เจนเซ่น

เราคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจะถดถอยรุนแรงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยปี 2566 มีแนวโน้มจะเป็นปีที่เศรษฐกิจโลกถดถอยอย่างหนักทีเดียว

“คุณอาจจะมองไม่เห็นจุดต่ำสุดของตลาดหุ้น จนกว่าสถานการณ์จะเริ่มคลี่ คลาย ซึ่งน่าจะเป็นช่วง 6 – 7 เดือนนับจากนี้ คุณน่าจะไม่เห็นการสิ้นสุดของจุดต่ำสุดของเศรษฐกิจสหรัฐอีกประมาณ 9 เดือน หรือนานกว่านั้น”

11. นายนูเรล รูบินี นักเศรษฐศาสตร์ของเอ็นวายยู สเทิร์น เจ้าของฉายา “ด็อกเตอร์ดูม” (Dr. Doom) ระบุว่า

นูเรล รูบินี

ประวัติศาสตร์ชี้ว่า แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลีกเลี่ยงการทรุดตัวลงอย่างรุนแรง คุณจะไม่ได้เผชิญเพียงแค่เงินเฟ้อไม่ใช่เพียงแค่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่เป็น ‘วิกฤตการณ์หนี้จากภาวะเศรษฐกิจชะงักงัน ท่ามกลางเงินเฟ้อสูงครั้ง

ใหญ่ (Great Stagflationary Debt Crisis) ซึ่งเลวร้ายกว่าในยุค 70 อย่างมาก และน่าจะแย่กว่าวิกฤตการณ์ทางการเงินโลก(Global Financial Crisis)

ส่วนรายที่ 12. นายเคน โรกอฟฟ์ นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ตบท้ายว่า

เคน โรกอฟฟ์

“คุณต้องพิจารณาโลกทั้งใบ ซึ่งอยู่ในเกณฑ์เลวร้ายจริง ๆ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องยากที่สหรัฐจะต้านทานไหว ผมกังวลว่าเราจะไม่เผชิญเพียงแค่ภาวะเศรษฐ กิจถดถอยเล็กน้อย ผมคิดว่าโอกาสที่เราจะเผชิญภาวะถดถอยอย่างรุนแรงนั้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว”