“มนัญญา” สั่งกรมวิชาการเกษตรตรวจสอบคราบสารสีฟ้าในต้นหอม

  • เพื่อคลายข้อกังวลของผู้บริโภค
  • เร่งให้ความรู้และสร้างความเข้าใจ
  • การใช้สารเคมีเพื่อป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืชที่ถูกต้อง

นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ กรมวิชาการเกษตร ตรวจสอบกรณีมีการเผยแพร่คลิปเตือนภัยให้ระวังอันตรายต้นหอมมีผงสีฟ้าอยู่บนต้นโดยเมื่อเอามือลูบแล้วมีสีฟ้าก็ติดตามมือมาด้วย โดยให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวและรายงานให้ทราบโดยเร็วเพื่อคลายข้อกังวลของผู้บริโภค

นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2566 ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่จากสำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรปทุมธานี ลงพื้นที่ตลาดสี่มุมเมืองไปตรวจสอบแผงค้าดังกล่าวทราบว่าเป็นแผงค้าที่รับสินค้าเกษตรมาจากหลากหลายจังหวัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้สุ่มเก็บตัวอย่างต้นหอมส่งตรวจวิเคราะห์สารตกค้างในห้องปฏิบัติการด้วยเครื่อง GC-MS และเครื่อง Atomic Absorption Spectrometer (AAS) ซึ่งมีผลการตรวจที่แม่นยำของกองวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร และห้องปฏิบัติการของสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 5 จ.ชัยนาท เพื่อยืนยันชนิดสารและปริมาณสารตกค้างว่าเกินค่ามาตรฐานที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคหรือไม่ คาดว่าจะทราบผลการตรวจวิเคราะห์ภายในห้องปฏิบัติการของกรมวิชาการเกษตรทั้ง 2 แห่งภายในระยะเวลาไม่เกิน 7 วันนี้

ทั้งนี้เบื้องต้นคาดว่าสารเคมีที่เกษตรกรนำไปใช้ในการป้องกันกำจัดโรคใบไหม้ในต้นหอมคือแมนโคเซบ ซึ่งกรมวิชาการเกษตรมีคำแนะนำในการใช้ที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ คือ การพ่นผสมในถัง 200 ลิตร ใช้ปั๊มพ่น ที่ละ 3 ร่อง 6 หัวฉีด และเกษตรกรต้องเก็บเกี่ยวหลังการฉีดพ่นสารไปแล้ว15 วัน ก่อนนำไปจำหน่ายต้องล้างคราบของสารแมนโคเซบออกให้หมด รวมถึงผู้บริโภคก็ต้องล้างออกอีกครั้งก่อนนำไปรับประทาน ซึ่งหากเกษตรกรใช้สารแมนโคเซบตามคำแนะนำฉลากข้างบรรจุภัณฑ์และปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวตามคำแนะนำดังกล่าวผลผลิตจะมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค

“ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ของกรมวิชาการเกษตรในส่วนภูมิภาคให้ความรู้และสร้างความเข้าใจการใช้สารเคมีเพื่อป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืชที่ถูกต้องตามหลักวิชาการให้แก่เกษตรกรซึ่งหากเกษตรกรปฏิบัติตามจะไม่เกิดปัญหาสารคกค้างในผลผลิตตามนโยบายของ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ต้องการส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตสินค้าเกษตรให้ได้คุณภาพมาตรฐานความปลอดภัยทั้งมาตรฐาน GAP และเกษตรอินทรีย์พร้อมกันนี้จะประสานให้กระทรวงสาธารณสุข ผู้ประกอบการร้านค้าจำหน่ายปัจจัยการผลิตทางการเกษตรร่วมกันให้ความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องด้วย”