“พ่อค้า-แม่ค้า” สินค้าออนไลน์หนีภาษีมีหนาว! “สรรพสามิต” ชูเทคโนโลยี AI ไล่ปราบปรามจริงจัง

  • โชว์ผลงานหลังเสริมเขี้ยวเล็บ ตั้งศูนย์ปราบปรามสินค้าออนไลน์
  • จับกุมบุหรี่หนีภาษีล็อตใหญ่กว่า 250,000 ซอง คิดเป็นค่าปรับกว่า 247 ล้านบาท
  • ลุยนำเทคโนโลยีมาใช้ ในกระบวนการทำงาน ลิงก์ข้อมูลกับองค์กรภายนอก เดินหน้าสู่องค์กรดิจิทัล

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ที่ผ่านมากรมสรรพสามิตได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายที่มีการลักลอบนำเข้าประเทศไทยโดยไม่ได้เสียภาษี ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการที่ค้าขายและจ่ายภาษีอย่างสุจริตให้ได้รับความเป็นธรรม รวมถึงยังเป็นการดูแลผู้บริโภคในเรื่องความปลอดภัยและได้สินค้าที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน 

ทั้งนี้ หลังจากที่ทางกรมฯ ได้จัดตั้งศูนย์ปราบปรามสินค้าออนไลน์ เมื่อช่วงเดือน มิ.ย.65 เพื่อรองรับลักษณะการกระทำผิดที่เปลี่ยนแปลงไป จากการขายตามหน้าร้านมาเป็นการขายทางออนไลน์ โดยล่าสุดได้มอบหมายให้ นายวิวัฒน์เขาสกุล ที่ปรึกษา ด้านยุทธศาสตร์ภาษีสรรพสามิต และว่าที่ ร.ต.ยงยุทธ ภูมิประเทศ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบป้องกันและปราบปราม ติดตามจับกุมการจำหน่ายบุหรี่ภาษีในเขตพื้นที่ภาคใต้อย่างต่อเนื่องนั้น ส่งผลให้ทางกรมฯสามารถจับกุมบุหรี่หนีภาษีได้ จำนวนประมาณ 250,000 ซอง คิดเป็นค่าปรับ 247,289,842.50 บาท โดยประกอบด้วยบุหรี่ยี่ห้อ ASK ME ,JONE BLACK ,QUEST ,ORIS ,L&M ,CANYON ,TEXAS ,ZOUK , และ 235 รวมทั้งสิ้น9 ยี่ห้อ โดยการจับกุมบุหรี่ครั้งนี้ ถือเป็นล็อตใหญ่ที่สุดตั้งแต่ตั้งศูนย์ปราบปรามสินค้าออนไลน์ขึ้นมา

นายเอกนิติ กล่าวต่อว่า กรมสรรพสามิตได้มีการติดตามและตรวจพบการจำหน่ายบุหรี่ผิดกฎหมายทางช่องทางออนไลน์เป็นจำนวนมาก จึงได้มอบหมายให้สำนักตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม และศูนย์ปราบปรามสินค้าออนไลน์ที่กรมสรรพสามิตตั้งขึ้น ใช้ข้อมูลที่สืบรวบรวมมา และใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ดำเนินการสืบสวนหาข่าวลงพื้นที่เพื่อติดตามจนทราบถึงแหล่งที่มา วิธีการจำหน่าย สถานที่เก็บสินค้า โดยให้เจ้าหน้าที่สำนักตรวจสอบป้องกัน และปราบปราม ดำเนินการล่อซื้อบุหรี่ผิดกฎหมาย จนทำให้ทราบถึงแหล่งที่ตั้งและสถานที่จำหน่ายบุหรี่ผิดกฎหมายที่จับกุมได้ในครั้งนี้ 

สำหรับผลการปราบปรามยาสูบในรอบปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.64 ถึง วันที่ 30 ก.ย.65 พบมีการกระทำผิดจำนวน 9,398 คดี สูงกว่าปีก่อน จำนวน 2,274 คดี หรือ 31.92% โดยคิดเป็นค่าปรับ1,610,838,179.54 บาท สูงกว่าปีก่อน คิดเป็นค่าปรับ 492,832,249.61 บาท หรือ 44.08% โดยมีของกลางยาสูบจำนวน 4,053,554 ซอง สูงกว่าปีก่อน จำนวน 2,566,047.00 ซอง หรือ 172.51% 

“จากผลการดำเนินการปราบปราบและจับกุมการกระทำความผิดสินค้าที่อยู่ในการควบคุมของกรมสรรพสามิตผ่านทางช่องทางออนไลน์ที่ผ่านมานั้น แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของกรมฯ ในการบังคับใช้กฎหมายและปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยสร้างความเป็นธรรม โปร่งใส เพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการที่เสียภาษีโดยสุจริต และช่วยดูแลผู้บริโภคให้บริโภคสินค้าที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน รวมถึงการมุ่งพัฒนาระบบการทำงานให้ได้มาตรฐานสากล นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ พร้อมมุ่งสู่การเป็นองค์กรดิจิทัลที่มีมาตรฐานสากล ตามยุทธศาสตร์ EASE Excise ที่กรมสรรพสามิตจะเดินหน้าเพื่อยกระดับองค์กรสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” นายเอกนิติ กล่าว

ทั้งนี้ หากประชาชนทราบเบาะแสการกระทำความผิดเกี่ยวกับสินค้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต สามารถแจ้งโดยตรงได้ที่กรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ทุกแห่งทั่วประเทศหรือ Call center 1713 ได้ตลอด 24 ชั่วโมงหรือที่ www.excise.go.th ซึ่งกรมสรรพสามิต จะปกปิดข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสเป็นความลับ

นอกจากนี้ นายเอกนิติ ยังกล่าวด้วยว่า ในวันพรุ่งนี้ (9 ธ.ค.65) ทางกรมฯ จะมีการร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงระหว่างกรมสรรพสามิตกับผู้ประกอบอุตสาหกรรมรถยนต์ตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) กับบริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด อีกด้วย