“พิธา”พบสภาอุตฯเตรียมตั้งคณะทำงานภาครัฐ-เอกชนแก้ปัญหาเป็นรายเซคเตอร์

“พิธา”พบสภาอุตฯเตรียมตั้งคณะทำงานภาครัฐ-เอกชนแก้ปัญหาเป็นรายเซคเตอร์ เดินสายหารือขึ้นค่าแรงที่เหมาะสมไม่ทำให้เกิดความเสี่ยงในระบบเศรษฐกิจ

  • ช่วยเอสเอ็มอีมีแต้มต่อในการต่อสู้กับวิกฤต
  • เดินสายหารือขึ้นค่าแรงที่เหมาะสม
  • ไม่ทำให้เกิดความเสี่ยงในระบบเศรษฐกิจ

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล เข้าหารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) นำโดย นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. นายพิธากล่าวว่า ได้หารือกันถึงนโยบายอุตสาหกรรมของประเทศไทยในยุคใหม่ รวมทั้งเรื่องพลังงาน กฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อขีดความสามารถในการแข่งขัน ปัญหาคอร์รัปชัน รวมทั้งเอสเอ็มอี โดยจะทำงานกันอย่างใกล้ชิด ลงในรายละเอียดเป็นรายเซคเตอร์ เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ ปิโตรเคมี การให้เอสเอ็มอีมีแต้มต่อในการต่อสู้กับวิกฤต

สำหรับเรื่องแรงงานนั้นมีปัญหาทั้งการขาดแคลนแรงงาน และปัญหาคนเรียนจบมาไม่มีงานทำ จะต้องสร้างทักษะแรงงานเพิ่ม และได้รับค่าแรงที่เหมาะสม โดยนโยบายของพรรคก้าวไกลจะขึ้นค่าแรงที่ 450 บาทต่อวัน ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคเพื่อไทยจะเพิ่มค่าแรง 400 บาทต่อวัน จะต้องมีการหารือกันทั้งกับสภาแรงงาน สภาเอสเอ็มอี สภาอุตสาหกรรม และหอการค้า จะต้องหาจุดที่เหมาะสม ไม่อยากขึ้นค่าแรงแบบกระชาก อยากให้ขึ้นตามการเติบโตของเศรษฐกิจ และประสิทธิภาพแรงงาน  ไม่ต้องการจะมีอะไรที่ทำให้เศรษฐกิจสั่นคลอน และไม่ต้องการให้เกิดความเสี่ยงในระบบเศรษฐกิจ

ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า ได้พูดคุยกันหลายเรื่อง เช่น เรื่องขีดความสามารถในการแข่งขัน การช่วยเหลือเอสเอ็มอีและอุตสาหกรรมดั้งเดิม การแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคและล้าสมัย จะทำอย่างไรให้เกิดความง่ายในการทำธุรกิจ เศรษฐกิจใหม่ๆจะขับเคลื่อนไปอย่างไร การมองให้รอบด้านไม่ใช่มองแค่เรื่องกฎหมาย แต่ต้องมองด้านสังคมและเศรษฐกิจไปพร้อมกันด้วย

“เรามีความเห็นตรงกันที่ภาคเอกชนและภาครัฐจะต้องคุยกันและมีคณะทำงานลงเป็นรายเซคเตอร์ว่ามีปัญหาอะไร จะช่วยเหลือได้อย่างไร และทำให้เกิดขึ้นได้จริง” ประธานส.อ.ท.กล่าว