พาณิชย์ เตรียมนำทัพโคนมไทยบุกเจาะตลาดจีน

  • ชูธงไปกวางโจว หวังใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอส่งออก 
  • ขยายตลาดได้เพิ่มขึ้นแน่เหตุสินค้ามีคุณภาพ+นวัตกรรม 
  • อ.ส.ค.มั่นใจปรับตัวสู้ศึกเปิดเสรีนมปี 64 และปี 68 ได้แน่ 

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมจะนำเกษตรกรสหกรณ์โคนม และผู้ประกอบการโคนมและนมโคแปรรูปของไทย 20 ราย ที่ผ่านการคัดเลือกจากทั้งสิ้น 81 ราย เดินทางไปขยายตลาดต่างประเทศโดยใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ที่ไทยทำกับประเทศต่างๆ โดยปีนี้จะไปขยายตลาดที่นครกวางโจว ประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพ และมีโอกาสส่งออกได้ หลังจากช่วง 2 ปีก่อน ได้นำผู้ประกอบการไปบุกตลาดที่เซี่ยงไฮ้ และสิงคโปร์มาแล้ว และประสบความสำเร็จ สามารถขยายตลาดสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมได้เพิ่มขึ้น 

“กำลังประเมินอยู่ เพราะมีโควิด-19 ถ้าไปได้ก็จะไป แต่ถ้าไปไม่ได้ ต้องปรับรูปแบบ เป็นการเจรจาธุรกิจออนไลน์แทน แต่เชื่อว่านมและผลิตภัณฑ์นมของไทย จะขยายเข้าสู่ตลาดจีนได้เพิ่มขึ้น เพราะปัจจุบัน มีการพัฒนาสินค้า ทั้งด้านคุณภาพ มาตรฐาน และนำนวัตกรรมมาใช้ เช่น นมอัดเม็ด กินแล้วฟันไม่ผุ หรือนมเม็ดผสมผลไม้ หรือนมพาสเจอร์ไรซ์ที่เก็บได้ 40-45 วัน และตั้งแต่ปี 61 กรม ได้จัดทำโครงการ โคนมไทยก้าวไกล ขยายตลาดส่งออกได้ด้วยเอฟทีเอ สามารถขยายการส่งออกสินค้านมยูเอชที นมอัดเม็ด ไอศกรีม และโยเกิร์ต ไปตลาดคู่ค้าเอฟทีเอ ทั้งจีน และอาเซียน” 

ด้านนายสุชาติ จริยาเลิศศักดิ์ รองผู้อำนวยการ ทำการแทนผู้อำนวยการ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศ (อ.ส.ค.) ผู้ผลิตนมไทย-เดนมาร์ก หรือนมวัวแดง กล่าวว่า อ.ส.ค.ได้ปรับตัวรองรับการแข่งขันจากการเปิดเสรีนม และผลิตภัณฑ์ ภายใต้เอฟทีเอไทย-ออสเตรเลีย และไทย-นิวซีแลนด์ตั้งแต่ปี 64 และปี 68 เป็นต้นไป มาอย่างต่อเนื่อง โดยที่ได้ออกผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละกลุ่ม ที่สำคัญ ทุกผลิตภัณฑ์ผลิตจากนมโคสดแท้ 100% ไม่ได้ผสมนมผง 

“แบรนด์ของเราใช้นมโคสดแท้ 100% ถือเป็นจุดแข็งที่จะแข่งขันกับนมนำเข้าจากต่างประเทศ ที่ส่วนใหญ่เป็นนมผง ได้ อีกทั้งการใช้น้ำนมโคสดในประเทศ ถือเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรด้วย ปัจจุบัน อ.ส.ค. ซื้อน้ำนมโคสดจากเกษตรกรในประเทศปีละกว่า 700 ตัน จากผลผลิตรวมกว่า 3,000 ตัน”

สำหรับยอดขายในประเทศอยู่ที่ปีละประมาณ 8,000 ล้านบาท และส่งออก 1,200 ล้านบาท ตลาดส่วนใหญ่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน และส่งออกโดยใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา) โดยส่งออกไปกัมพูชากว่า 600 ล้านบาท ลาว กว่า 300 ล้านบาท และเมียนมา กว่า 200 ล้านบาท และกำลังจะขยายตลาดส่งออกไปจีน แต่ติดปัญหาที่ มีผู้ประกอบการจีนได้จดเครื่องหมายการค้า “วัวแดง” ซึ่งเป็นวัว 2 ตัว คือ แม่ และลูกสีแดง เหมือนกับเครื่องหมายของ อ.ส.ค. จึงต้องเปลี่ยนเครื่องหมายการค้าใหม่