“พาณิชย์-เกษตร” จับมือจัดประมูล “สุดยอดกาแฟไทย” ปี 64

.คอกาแฟแห่ร่วมประมูลออนไลน์กว่า 1.5 พันราย
.เคาะประมูล “โรบัสตา” เกษตรกรชุมพรโลละ 2 หมื่น
.”จุรินทร์”หนุนปลูกเหตุความต้องการพุ่งแต่ปลูกได้น้อย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยระหว่างเป็นประธานเปิดการประมูลสุดยอดกาแฟไทยปี 64 ผ่านระบบอนไลน์ ชิงรางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีว่า ในปีนี้ เป็นการจัดประมูลสุดยอดกาแฟผ่านระบบออนไลน์ครั้งแรกหลายช่องทางซึ่งมีคนเข้าร่วมงานผ่านระบบ Zoom และ Facebook live จำนวนมาก โดยความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตร ภายใต้การสนับสนุนจาก องค์การกาแฟระหว่างประเทศ (International Coffee Organization ) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง และเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ

สำหรับการจัดกิจกรรมรูปแบบออนไลน์ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้เราต้องปรับการดำเนินชีวิตและรูปแบบการทำงาน เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยกาแฟเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจสำคัญของไทย มีมูลค่าการค้ากว่า 33,000 ล้านบาท โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ไทยมีความต้องการใช้เมล็ดกาแฟเฉลี่ยที่ 88,862 ตันต่อปี แต่สามารถผลิตเมล็ดกาแฟดิบได้เฉลี่ยเพียง 24,671 ตันต่อปี หรือประมาณ 28% ของความต้องการใช้เท่านั้น ขณะที่อุตสาหกรรมกาแฟไทยยังมีโอกาสเติบโตต่อไป หากเกษตรกรไทยสามารถเพิ่มผลผลิตที่มีคุณภาพ และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในประเทศหลายกลุ่มที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟ และพร้อมจะทดลองรสชาติใหม่ๆ ก็จะเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรได้มากขึ้น

นอกจากนี้ ด้านตลาดต่างประเทศ กาแฟไทย ถือว่ามีคุณภาพดี ไม่เป็นรองใคร โดยปัจจุบัน มีตลาดส่งออกเมล็ดกาแฟดิบที่สำคัญ คือ แคนาดา ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ และมีตลาดส่งออกกาแฟคั่วที่สำคัญ คือ กัมพูชา มาเลเซีย และฮ่องกง โดยที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ ได้ทำงานร่วมกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด เพื่อผลักดันการส่งออกให้กับผู้ประกอบการไทยอย่างต่อเนื่องในทุกสินค้าที่มีศักยภาพ แม้สถานการณ์โควิด-19 จะทำให้การบริโภคกาแฟในภาพรวมลดลง แต่เมื่อมองแนวโน้มและพิจารณาตลาดกาแฟในระยะยาวแล้ว เชื่อว่าสินค้ากาแฟยังคงมีโอกาสทางการตลาดสูงทั้งในประเทศและต่างประเทศ

“เมล็ดกาแฟไทยทุกรายการที่นำมาประมูล มีคุณภาพสูง มีเอกลักษณ์ทั้งด้านกลิ่นและรสชาติ พิเศษกว่าเมล็ดกาแฟระดับพรีเมียมทั่วไป เพราะเป็น Specialty Coffee ที่ได้รับคะแนน Cupping จากผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟ ทั้งของไทยและระดับโลก 80 คะแนนขึ้นไป จากคะแนนเต็ม 100 ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่างานประมูลสุดยอดกาแฟไทยปี 64 ในครั้งนี้จะสร้างชื่อเสียงและภาพลักษณ์ให้กับกาแฟไทย พร้อมกระตุ้นตลาดผู้บริโภคกาแฟของไทยให้มีชีวิตชีวาในท่ามกลางวิกฤตนี้ได้อีกครั้ง”

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า งานในวันนี้ ได้รับความสนใจจากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร โรงคั่วกาแฟ ร้านกาแฟ กลุ่มนักบริโภคกาแฟยุคใหม่ รวมทั้งสิ้นกว่า 1,500 ราย โดยราคาเปิดประมูลเมล็ดกาแฟโรบัสตา จำนวน 10 รายการ เริ่มต้นที่ กิโลกรัม (กก.) ละ 150 บาท เคาะราคาประมูลสูงสุดที่กก.ละ 20,000 บาท สำหรับเมล็ดกาแฟอะราบิกา จำนวน 30 รายการ ราคาประมูลเริ่มต้นที่กก.ละ 200 บาท เคาะราคาสูงสุดที่กก.ละ 6,400 บาท สามารถสร้างมูลค่าได้สูงกว่าราคาตลาดปกติโดยเฉลี่ยถึง 60 เท่า ซึ่งรายได้ที่ได้จากการประมูลทั้งหมด จะจ่ายตรงให้กับเกษตรกรโดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ สำหรับเมล็ดกาแฟที่ประมูลราคาสูงสุดพันธุ์อะราบิกาเป็นของนายฉิ่ง แซ่ท้าว เกษตรกรจังหวัดน่าน กก.ละ 6,400 บาท และเมล็ดกาแฟพันธุ์โรบัสตา ของนายธนาสิทธิ์ สอนสุภา เกษตรกร จ.ชุมพร เคาะราคาประมูลที่กก.ละ 20,000 บาท