พาณิชย์เดินหน้าพัฒนาโชห่วยไทยเป็น “สมาร์ทโชห่วย”

  • จับมือ “แม็คโคร” ปรับภาพลักษณ์-ใช้เทคโนโลยีบริหารจัดการร้าน
  • หวังสร้างความเข้มแข็งให้โชห่วยแข่งขันรายใหญ่ได้อย่างยั่งยืน
  • พร้อมชวนเที่ยวงาน “ตลาดนัดโชห่วย” 2-5 มิ.ย.นี้ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงาน “ตลาดนัดโชห่วย ครั้งที่12”   ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-5 มิ.ย.65 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานีว่า  หลังผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ธุรกิจโชห่วยยังคงมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ตลาดผู้บริโภคในเมืองเริ่มอิ่มตัว   แต่ตลาดชุมชนยังเป็นที่น่าสนใจ และมีฐานลูกค้าจำนวนมาก ร้านโชห่วยหลายรายปรับกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ โดยใช้โมเดล “สมาร์ทโชห่วย” ซึ่งเป็นร้านโชห่วยที่มีภาพลักษณ์ทันสมัย และใช้ระบบเทคโนโลยีในการบริหารจัดการ สร้างโอกาสทางการตลาดรองรับผู้บริโภคในชุมชน  แต่ร้านโชห่วยยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้น จึงต้องปรับตัว เพื่อให้อยู่รอด ไม่เช่นนั้นอาจสูญเสียโอกาสทางธุรกิจได้

 “หลายปีที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ร่วมกับพันธมิตร เช่น บริษัท สยามแม็คโครจำกัด (มหาชน) พัฒนาร้านโชห่วยให้เป็น “สมาร์ทโชห่วย” มาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน มีร้านสมาร์ทโชห่วยทั่วประเทศแล้วกว่า 400,000 ราย และจะเดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีจำนวนร้านโชห่วยที่เข้มแข็งเพิ่มขึ้น”

สำหรบในระยะ 5 ปีต่อจากนี้  กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดแนวทางยกระดับความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรในการพัฒนาสมาร์ทโชห่วยให้ครอบคลุมทุกมิติ และใช้กลไกการทำงานร่วมกันของเครือข่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งส่วนกลางและระดับท้องถิ่น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาใน 4 ด้าน คือ  ลดต้นทุน, เพิ่มรายได้, สร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน  โดยร้านสมาร์ทโชห่วยจะเป็นแหล่งรับซื้อสินค้าให้คนในชุมชน นำไปสู่เป้าหมายสุดท้าย คือ กระจายรายได้สู่ชุมชน ซึ่งจะเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศได้อย่างเข้มแข็งต่อไป

นายพูนพงษ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมกับแม็คโคร ขับเคลื่อนโครงการ “สมาร์ทโชห่วย” โดยช่วยพัฒนาผู้ประกอบการโชห่วยไทยให้เป็นสมาร์ทโชห่วย ทั้งปรับภาพลักษณ์ร้านค้าให้สวยงาม เป็นระเบียบ ทันสมัย, ส่งเสริมการนำระบบ POS มาใช้บริหารจัดการร้าน เป็นต้น ส่วนงาน “ตลาดนัดโชห่วย” ครั้งที่ 12 นี้ มีผู้ผลิตและผู้แทนจำหน่ายกว่า 200 ราย เข้าร่วมจำหน่ายสินค้า และคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 80,000 ราย