พาณิชย์ยันไทยรับประโยชน์เปิดเสรี”อาร์เซ็ป”

  • สมาชิก 16 ชาติลดซ้ำซ้อนกฎถิ่นกำเนิดสินค้า
  • สร้างมาตรฐานกฎเกณฑ์ผลิต-การค้าเดียวกัน
  • ยกระดับมาตรฐานคุณภาพสินค้าเกษตรไทย

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้การเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) ระหว่างอาเซียน 10 ประเทศ กับคู่เจรจา 6 ประเทศ ได้แก่ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ได้เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการเจรจาแล้ว ซึ่งหากสามารถปิดการเจรจาได้ภายในปีนี้ และความตกลงมีผลบังคับใช้ จะช่วยสร้างโอกาสในการส่งออก การค้าบริการ และการลงทุนของไทยมากขึ้น เพราะตลาดได้ขยายจากเดิม คือ อาเซียน 10 ประเทศ เป็น 16 ประเทศ และตลาดได้ขยายเป็นตลาดที่มีประชากรรวมกันมากถึง 3,500 ล้านคน คิดเป็น 48% ของประชากรโลก

สำหรับประโยชน์ที่จะได้รับนั้น ในด้านการค้า อาร์เซ็ปจะช่วยลดความซ้ำซ้อนเรื่องกฎถิ่นกำเนิดสินค้า มีการประสานกฎระเบียบและมาตรการทางการค้า ส่งผลให้กฎเกณฑ์การค้าของสมาชิกมีมาตรฐานและสอดคล้องกันมากขึ้น รวมทั้งมีการกำหนดด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะส่งผลให้ไทยเป็นศูนย์กลางของตลาดการค้าสินค้าเกษตร และเป็นโอกาสในการส่งออกสินค้าเกษตรไปยังสมาชิกได้มากขึ้น ช่วยยกระดับคุณภาพมาตรฐานของสินค้าเกษตรและอาหารของไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก โดยเฉพาะน้ำตาล อาหารแปรรูป มันสำปะหลัง กุ้ง และข้าว ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของไทย ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร ผู้ผลิตและผู้ส่งออกไทยได้มากขึ้น

“ผลจากการที่อาร์เซ็ปมีมาตรฐานเดียวกัน จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสรรหาแหล่งวัตถุดิบที่หลากหลายทั้งเชิงคุณภาพและราคามากขึ้น จากเดิมที่สรรหาวัตถุดิบเพียง 10 ประเทศในอาเซียน ทำให้ไทยเข้าไปอยู่ในเครือข่ายภาคการผลิตและการกระจายสินค้าของภูมิภาค และยังช่วยให้อาเซียนรวมถึงไทยเป็นศูนย์กลางของตลาดการค้าสินค้าเกษตรได้ ”

อย่างไรก็ตาม หากการเจรจาสามารถปิดรอบได้ กรมจะสรุปผลความตกลงเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับทราบ รวมทั้งจัดสัมมนาและลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ให้ผู้เกี่ยวข้องเตรียมการใช้ประโยชน์ต่อไป