พาณิชย์ตอกกลับ”พรรคกล้า”ค่าการกลั่นน้ำมันต้องใช้กฎหมายเฉพาะกระทรวงพลังงานพิจารณาไม่เกี่ยวพาณิชย์

กรมการค้าภายใน ย้ำชัด! ข้อเสนอหัวหน้าพรรคกล้าต้องการให้ ก.พาณิชย์ นำกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการมาคุมการกลั่นน้ำมันนั้น ทำไม่ได้ ต้องใช้กฎหมายเฉพาะของ ก.พลังงาน จะเหมาะสมและถูกทางกว่าของ ก.พาณิชย์ เนื่องจากกฎหมายพลังงานจะดูรายละเอียดและข้อมูลเชิงลึก ขณะที่การดูแลสินค้าทุกรายการมีการติดตามทุกสินค้า ชี้สินค้าควบคุมยังไม่ให้ขึ้น แต่สินค้าไม่คุมยังขอความร่วมมืออยู่ แม้อยู่ในช่วงต้นทุนขาขึ้นก็ตาม

นายจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน(คน.)เปิดเผยว่า จากกรณีที่นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า เสนอแนวทางที่จะทำให้ราคาน้ำมันหน้าปั๊มลดลงได้ลิตรละ 4 บาท โดยเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์มาดูค่ากลั่นน้ำมัน โดยให้ทางคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ หรือ กกร.เข้ามาควบคุมราคาน้ำมันนั้น เห็นว่าคงไม่ถูกต้อง เพราะการกำหนดค่าการกลั่นหรือดูแลโครงสร้างน้ำมันทั้งระบบจะมีกฎหมายเฉพาะของกระทรวงพลังงานที่ดูแลตรงนี้อยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องใช้กฎหมายของกระทรวงพาณิชย์แต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ทั้งกระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำความเข้าใจกันแล้ว ซึ่งตามกฎหมายคณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ 2535 กำหนดชัดเจนการพิจารณาพลังงานและน้ำมันต่าง ๆ สามารถใช้กฎหมายฉบับดังกล่าวได้ เพราะถือเป็นกฎหมายหลัก หากจะใช้กฎหมายของกระทรวงพาณิชย์โดยผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการมาพิจารณากำหนดค่าการกลั่นน้ำมัน จะทำให้เนื้อหาไม่ครบคลุมมากนัก เพราะกระทรวงพาณิชย์ไม่มีเนื้อหาหรือข้อมูลด้านพลังงานอย่างเพียงพอ และไม่ได้รู้ขั้นตอนในด้านน้ำมันทั้งระบบ ดังนั้น การพิจารณาจะลึกเหมือนหน่วยงานที่ดูแลด้านนี้โดยตรง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าภายในจะดูเพียงการติดป้ายแสดงราคาน้ำมันและปริมาณน้ำมันต้องเต็มลิตรเป็นสำคัญ

“ธุรกิจพลังงานถือเป็นธุรกิจที่มีลักษณะเฉพาะที่มีความซับซ้อนตลอดห่วงโซ่อุปทาน การกำกับดูแลจำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญและมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับธุรกิจด้านพลังงาน รวมทั้งโครงสร้างต้นทุนและราคาพลังงานจำเป็นต้องอยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน ซึ่งอำนาจหน้าที่กำกับจะอยู่ที่ พ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ พ.ศ.2535 ที่ให้อำนาจกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขราคาพลังงาน ให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนการบริหารและพัฒนาพลังงานของประเทศ อีกทั้งยังมีกลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ ดังนั้น จะเป็นตามกฎหมายกระทรวงพลังงาน ไม่ใช่กระทรวงพาณิชย์ ปกติการใช้อำนาจ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 จะใช้กำกับดูแลสินค้าทั่วไปที่ไม่มีกฎหมายหรือกลไกเฉพาะ เช่น กรณีสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นสำหรับประชาชนที่กำหนดให้สถานีบริการน้ำมันปิดป้ายแสดงราคา และมีการตรวจสอบความถูกต้องเที่ยงตรงของหัวจ่ายน้ำมัน” นายจักรากล่าว

ส่วนการดูแลสินค้าอุปโภคและบริโภคในช่วงที่ต้นทุนในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะในเรื่องของราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ทำให้สินค้าบางรายการในท้องตลาดมีการปรับขึ้นจากปัญหาด้านค่าขนส่งด้วยนั้น ซึ่งกระทรวงพาณิชย์มีการติดตามสินค้าอุปโภคและบริโภคมาตลอด และยังยืนยันสินค้าที่ในบัญชีสินค้าควบคุมยังไม่มีการอนุมัติให้ปรับราคาสินค้าขึ้นแต่อย่างใด และหากเป็นสินค้าที่ไม่ได้อยู่ในบัญชีควบคุมก็จะขอความร่วมมือและขอตรึงสินค้าไปให้นานที่สุด เพื่อลดผลกระทบให้กับผู้บริโภค แต่อาจจะมีบางรายการสินค้าที่อาจขยับราคาขึ้นจากผลกระทบของน้ำมันหรือขึ้นจากการหมดโปรโมชันไปแล้ว เพื่อลดผลกระทบต่อต้นทุนด้านขนส่ง  โดยกรมการค้าภายในมีทีมติดตามดูอยู่อย่างใกล้ชิดหากรายการสินค้าใดที่ขึ้นไปโดยไม่มีเหตุผลหรือแอบขึ้น ถือว่ากระทำความผิดต่อกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากประชาชนพบเห็นการค้ากำไรเกินควรร้องเรียนมาที่สายด่วน 1569 ได้ทันที

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึง เรื่องราคาน้ำมันที่กำลังมีคนชี้มาที่กระทรวงพาณิชย์ว่าต้องเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องราคาน้ำมัน ว่า โดยข้อเท็จจริงน้ำมันนั้นเป็นสินค้าเฉพาะมีข้อกฎหมายเฉพาะในการกำกับดูแลกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมันฉบับที่หนึ่ง คือ พระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ มาตรา 6(2) กำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติไว้ว่า คณะกรรมการชุดนี้มีหน้าที่วางหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการกำหนดราคาพลังงานให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนการพัฒนาและบริหารพลังงานของประเทศ ถ้าดูกฎหมายนี้จะเห็นว่าคนเกี่ยวข้องกับราคาพลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นการเฉพาะคือ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นเลขานุการ ซึ่งการกำหนดราคาหรือการวางหลักเกณฑ์เรื่องราคาน้ำมันเชื้อเพลิงต้องสอดคล้องกับนโยบายและแผนพัฒนาและบริหารพลังงานแห่งประเทศด้วย เป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของกระทรวงพลังงาน

“ที่มีการกล่าวอ้างว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน กกร.โดยตำแหน่งและในกฎหมายกำหนด ก๊าซปิโตรเลียมเหลว น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นสินค้าควบคุม อยู่ในอำนาจของประธาน กกร.อยู่แล้ว ตรงนี้ไปสัมพันธ์กับ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการที่กระทรวงพาณิชย์ดูแลหรือไม่ โดยทุกวันนี้ LPG มีการประกาศราคาโดยกระทรวงพลังงาน กระทรวงพลังงานเป็นคนกำหนดราคา LPG ที่จะมีการปรับราคาขึ้นราคาเป็นขั้นบันได เดือนละเท่าไหร่ต่อครั้งจะเห็นว่ากระทรวงพลังงานเป็นคนประกาศ ด้วยเหตุผลที่บอกแล้วและวิธีการบริหารโดยใช้กฎหมายที่มีอยู่กำกับดูแล เมื่อกระทรวงพลังงานประกาศราคาออกมาแล้ว ใครขายเกินกว่านี้กระทรวงพาณิชย์จับ โดยอาศัยมาตรา 29 คือ ผู้ใดจงใจจำหน่ายราคาสูงเกินสมควร มีโทษผิดพระราชบัญญัติราคา เช่น กระทรวงพลังงานแจ้งราคาถังละ 380 บาท ถ้าใครขาย 400 บาท ถือขายเกินกว่าที่กำหนดกระทรวงพาณิชย์สามารถจับได้ เป็นต้น” นายบุณยฤทธิ์กล่าว