พาณิชย์ขึ้นทะเบียนจีไอผลไม้ภาคใต้ 2 รายการ

.มังคุดในวงระนอง-ส้มจุกจะนะเหตุมีเอกลักษณ์ปลูกได้เฉพาะถิ่น

.ล่าสุดขึ้นทะเบียนจีไอไทยแล้ว 150 รายการปีหน้าดันเพิ่มอีก 18 สินค้า

.ช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้ายกระดับรายได้ท้องถิ่นเสริมแกร่งเศรษฐกิจฐานราก

นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ประกาศขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จีไอ) ของไทยเพิ่มอีก 2 รายการ คือ “มังคุดในวงระนอง” และ “ส้มจุกจะนะ” ซึ่งเป็นสินค้ามีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน ทั้งในแง่ของคุณภาพ รสชาติ และลักษณะที่โดดเด่นแตกต่างจากผลไม้ประเภทเดียวกันที่ปลูกในท้องถิ่นอื่น ซึ่งการขึ้นทะเบียนจีไอจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในแหล่งต้นกำเนิดของสินค้า และช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า สร้างรายได้ให้กับชุมชนด้วยความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สามารถผลิตได้เฉพาะท้องถิ่น

“การขึ้นทะเบียนจีไอเพิ่มอีก 2 สินค้าครั้งนี้ ทำให้ปัจจุบันกรมได้ขึ้นทะเบียนจีไอได้ตามเป้าหมายแล้ว 150 รายการ จากก่อนหน้านี้ กรมได้ขึ้นทะเบียนจีไอครบทั้ง 77 จังหวัดแล้วตั้งแต่กลางปี 64 ถือว่า สามารถทำสำเร็จก่อนไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งช่วยสร้างมูลค่าการตลาดให้กับสินค้าชุมชนได้สูงถึง 36,000 ล้านบาท และในปี 65 ตั้งเป้าหมายขึ้นทะเบียนสินค้าจีไออีก 18 รายการ ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชนผู้ผลิตได้เป็นอย่างดี”

ส้มจุกจะนะ”

สำหรับมังคุดในวงระนอง จ.ระนอง เป็นมังคุดพันธุ์พื้นเมือง มีผลใหญ่ ผิวเปลือกมันเรียบ เมื่อสุกจะมีสีดำ เนื้อมังคุดมีสีขาวปุยฝ้าย ไม่เป็นเนื้อแก้ว ไม่มียางไหล และไม่ฉ่ำน้ำ รสชาติหวานนำอมเปรี้ยวเล็กน้อย ส่วนส้มจุกจะนะ จ.สงขลา มีทั้งพันธุ์เปลือกหนาและพันธุ์เปลือกบาง ผิวมันวาว เปลือกล่อน มีกลิ่นหอมจากต่อมใต้เปลือกที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว

สำหรับมังคุดในวงระนอง จ.ระนอง เป็นมังคุดพันธุ์พื้นเมือง มีผลใหญ่ ผิวเปลือกมันเรียบ เมื่อสุกจะมีสีดำ เนื้อมังคุดมีสีขาวปุยฝ้าย ไม่เป็นเนื้อแก้ว ไม่มียางไหล และไม่ฉ่ำน้ำ รสชาติหวานนำอมเปรี้ยวเล็กน้อย ส่วนส้มจุกจะนะ จ.สงขลา มีทั้งพันธุ์เปลือกหนาและพันธุ์เปลือกบาง ผิวมันวาว เปลือกล่อน มีกลิ่นหอมจากต่อมใต้เปลือกที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว

ด้านนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า หลังจากสินค้าได้รับการขึ้นทะเบียนจีไอแล้ว กรมจะช่วยผลักดันให้มีการจัดทำระบบควบคุมมาตรฐานสินค้า เพื่อรักษาคุณภาพของสินค้า รวมถึงส่งเสริมประชาสัมพันธ์ ช่วยเพิ่มช่องทางการจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ ผ่านทั้งทางออฟไลน์ และออนไลน์ เพื่อให้สินค้า จีไอไทยสามารถเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง สร้างรายได้สู่ชุมชน สร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่น