“พลังงาน-คลัง” ถกแผนรับมือน้ำมันแพง รับมือการสงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อ

  • ตรวจสอบฐานะการเงินของรัฐ
  • ขยายเวลาเพิ่มสำรองน้ำมัน จาก 60 วัน เป็น 70 วัน
  • ย้ำต้องรักษาเสถียรภาพพลังงานให้ประชาชนมีใช้เพียงพอ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 10 มี.ค. 2565 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ได้นัดประชุมหารือกับผู้บริหารระดับสูงของทั้ง 2 กระทรวง รวมถึงนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)​ น.ส.รื่นฤดี สุวรรณมงคล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหามาตรการรับมือ กรณีการสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครนยืดเยื้อ เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันมีความผันผวนมาก และมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจด้วย โดยใช้เวลาในการประชุมราว 2 ชั่วโมงเศษ

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ เพื่อประเมินสถานการณ์โดยภาพรวมของเศรษฐกิจและแหล่งเงินที่จะนำมารับมือปัญหาราคาน้ำมันแพง แต่ประเด็นสำคัญต้องคำนึงเสถียรภาพความมั่นคงด้านพลัง เพื่อให้ประชาชนได้ใช้พลังงานอย่างเพียงพอ เช่น การสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่ม จาก 60 วัน เป็น 70 วัน เพื่อสร้างมั่นใจให้ประชาชนว่ามีน้ำมันเพียงพอ  ส่วนไฟฟ้า ก็จะเจรจาหาแหล่งผลิตไฟฟ้ารูปแบบอื่นๆทดแทน  นอกจากนี้ยังจะหารือถึงมาตรการอื่นๆ เพื่อเตรียมความพร้อมไว้รองรับ หากสงครามยืดเยื้อยาวนาน  โดยจะมีการแถลงรายละเอียดในวันนี้ (11 มี.ค.) นี้ 

“วันนี้เราไม่รู้ว่าสถานการณ์สงคราม จะยาวนานแค่ไหน  เราก็ต้องหามาตรการรับมือไว้  ที่สำคัญคือ ต้องมีพลังงานเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน ส่วนราคาแพง ก็ต้องแก้ปัญหา  วานนี้ (10 มี.ค.)  จึงนัดประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน หากแนวทาง เพื่อเตรียมความพร้อมการรับมือสงครามยือเยื้อ พร้อมมอบการบ้านให้กระทรวงการคลัง ไปเร่งพิจารณาหาแนวทาง เพื่อนำมาเสนอในการประชุมหารือครั้งหน้า”