พร้อมลุย…“เอ็กโก กรุ๊ป” เดินหน้าโรงไฟฟ้า “เอ็กโก โคเจนเนอเรชั่น ส่วนขยาย” ล่าสุดปิดดีลเงินกู้สำเร็จ 2,700 ล้านบาท

  • เผยโรงไฟฟ้าใหม่ มีกำลังผลิตสุทธิ 74 เมกะวัตต์
  • ชี้โรงไฟฟ้าแห่งนี้ จะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจของเอ็กโก กรุ๊ป ในประเทศ
  • พร้อมสนับสนุนการดำเนินงานของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม
  • ส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เสริมความมั่นคงให้ระบบไฟฟ้าของประเทศ

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า เอ็กโก กรุ๊ป ได้ตอกย้ำรากฐานที่แข็งแกร่งในธุรกิจไฟฟ้า ด้วยการเดินหน้าพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้า “เอ็กโก โคเจนเนอเรชั่น ส่วนขยาย” กำลังผลิตสุทธิ 74 เมกะวัตต์ ในจังหวัดระยอง โดยล่าสุดโครงการฯ ประสบความสำเร็จในการลงนามสัญญาเงินกู้กับธนาคาร 3 แห่ง ได้แก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารออมสิน และธนาคารไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (มหาชน) มูลค่าเงินกู้รวมประมาณ 2,700 ล้านบาท 

ทั้งนี้ โครงการ “เอ็กโก โคเจนเนอเรชั่น ส่วนขยาย” มีมูลค่าการลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 3,600 ล้านบาท โดยได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างไปเมื่อเดือน พ.ค. 2565 และคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องและจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ในเดือนม.ค. 2567

นายเทพรัตน์ กล่าวต่อว่า โรงไฟฟ้าเอ็กโก โคเจนเนอเรชั่น ส่วนขยาย ทางเอ็กโก ถือหุ้น 80% และบริษัท เจพาวเวอร์โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ถือหุ้น 20% ก่อสร้างบนพื้นที่ว่างถัดจากโรงไฟฟ้าเอ็กโก โคเจนเนอเรชั่น เดิม ซึ่งตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมระยอง ตำบลมาบข่า อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง โดยจะจ่ายไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าเดิมที่จะสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ในปี 2567 โรงไฟฟ้าแห่งนี้เป็นโรงไฟฟ้าประเภทโคเจนเนอเรชั่นที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง 

รวมถึงใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยล่าสุด ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นโดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กทดแทน (SPP Replacement) เป็นระยะเวลา 25 ปี ในขณะที่กำลังผลิตไฟฟ้าส่วนที่เหลือ และไอน้ำจากกระบวนการผลิต จะจำหน่ายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมระยองและพื้นที่ใกล้เคียง

“ด้วยความเชี่ยวชาญในธุรกิจไฟฟ้า เอ็กโก กรุ๊ป มั่นใจว่า โรงไฟฟ้าเอ็กโก โคเจนเนอเรชั่น ส่วนขยายแห่งนี้ จะสามารถจ่ายไฟฟ้าและไอน้ำอย่างมีเสถียรภาพ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าอุตสาหกรรม ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและร่วมสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ ในขณะเดียวกันโรงไฟฟ้าแห่งนี้ได้ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยล่าสุด ซึ่งจะช่วยทำให้การผลิตไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีปริมาณการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลง ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการดำเนินธุรกิจของเอ็กโก กรุ๊ป ที่ว่า Cleaner, Smarter and Stronger to Drive Sustainable Growth” นายเทพรัตน์ กล่าว