นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ในเรื่องของรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ที่มีการดำเนินการก่อสร้างโดยบริษัท นอร์ทเทิร์นบางกอกโมโนเรล จำกัด ที่มีบริษัท บีทีเอส จำกัด ถือหุ้นใหญ่ ตนขอตั้งข้อสังเกตว่า ในการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพูไม่ได้มีส่วนต่อขยายใดๆ เข้าไปเมืองทองธานี แต่มีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 64 ให้มีการเชื่อมต่อบริเวณสถานีศรีรัช เชื่อมเข้าไปยังซอยปากเกร็ด 39 หรือซอยเข้าศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็คเมืองทองธานี รวมระยะทาง 3 กม. เชื่อมต่อ 2 สถานี คือ สถานีอิมแพ็คชาเลนเจอร์ และสถานีทะเลสาบเมืองทองธานี ทั้งที่เดิมทีแนวรถไฟฟ้าสายสีชมพู ไม่ได้เชื่อมต่อเข้าเมืองทองธานี แต่ตั้งอยู่บริเวณถ.แจ้งวัฒนะเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ครม.ได้ระบุว่าให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) และผู้รับสัมปทาน ดูแลการบริหารจัดการในมิติต่างๆ อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ใช้บริการ และแบ่งบันผลประโยชน์แก่ภาครัฐอย่างเป็นธรรม ตลอดจนสามารถเปิดให้บริการประชาชนตามกำหนด ที่อ้างว่าต้องเชื่อมต่อสถานีศรีรัชบนถนนแจ้งวัฒนะเข้าสู่เมืองทองธานี 2 สถานี ทำเพื่อผลประโยชน์ประชาชนนั้น ต้องบอกก่อนว่า เมืองธานีเป็นของตระกูลกาญจนพาสน์ หรือบางกอกแลนด์ และเมื่อมีรถไฟฟ้าเชื่อมในเมืองทองธานี ทำให้ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นสูง ขณะเดียวกัน ยังพบว่ามีที่ดินว่างเปล่าของเศรษฐีปลูกสวนกล้วยเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีที่ดินด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ต้องโดนอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องนี้ด้วย
นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นถึงหัวหน้าครม.ไปอนุมัติให้รถไฟฟ้าสายสีชมพูเข้าเมืองทองธานี จะไปขนกล้วยมาขายในกรุงเทพฯหรือ คุณอ้างทำเพื่อประชาชน แต่ทำไมปลูกกล้วยเต็มเลย พล.อ.ประยุทธ์ ต้องตอบเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เป็นการเอื้อประโยชน์ให้เจ้าสัวหรือไม่ แต่ประชาชนต้องเจอกับวิกฤตปุ๋ยแพง น้ำมันแพง หมูแพง ข้าวราคาถูก และวัวล้มตาย พล.อ.ประยุทธ์ทำอะไรอยู่ ทำไมไม่ช่วยประชาชน คือเหตุผลว่าทำไมคนถึงมาไล่ เพราะประชาชนหมดศรัทธาแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ควรออกไปได้แล้ว
