พรรคประชาธิปัตย์เดิมเกมคว่ำร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง- หวั่นลูกหลานติดกัญชาโดยไม่รู้ตัว

ที่รัฐสภา พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) นำโดยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส.ระยอง นายประกอบ รัตนพันธ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช นายพิสิฐ ลี้อาธรรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และน.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ แถลงถึงการพิจารณาร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. …. ที่คณะกรรมาธิการ(กมธ.)พิจารณาเสร็จแล้ว ว่า เป็นที่น่าเสียใจที่คณะกมธ.ไม่ได้แก้ไขตามที่มีข้อเสนอแม้แต่ข้อเดียว โดยพรรค ปชป. เสนอ 13 ข้อ พรรคเพื่อไทย เสนอ 5 ข้อ และจากแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศูนย์ศึกษาปัญหายาเสพติดที่เสนอให้ทบทวนเป็นรายมาตรา อย่างไรก็ตาม ภายหลังที่มีการถอนร่างกฎหมายดังกล่าวออกไป ทราบว่าทางคณะกมธ. ได้เรียกประชุม 2-3 ครั้งเท่านั้น และมีสมาชิกพยายามทักท้วงให้หยิบข้อเสนอต่างๆขึ้นมาพิจารณา แต่ก็มีกมธ.ไม่สนใจรับฟังข้อเสนอหรือแม้แต่จะหยิบยกข้อกังวลที่สังคมเป็นห่วงขึ้นมาพิจารณา

นายสาทิตย์ กล่าวว่า สำหรับข้อเสนอของพรรคประชาธิปัตย์ นั้น ยกตัวอย่าง เช่น ให้ทบทวนว่ากัญชาเป็นยาเสพติดหรือไม่ แก้ไขคำนิยามคำว่าใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ในครัวเรือน รวมถึงไม่ควรกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ทำหน้าที่ประสาน ส่งเสริมสนับสนุน พัฒนาสายพันธุ์ในการปลูกกัญชา เพราะขัดกับหน้าที่และอาจเกิดประโยชย์ทับซ้อน อย่างไรก็ตาม กฎหมายยังขาดมาตรการควบคุมการซื้อขายอุปกรณ์ เครื่องมือต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการสูบกัญชา เป็นต้น

“เมื่อกรรมาธิการไม่แก้ไขเลย ก็จะเกิดการอภิปรายมากมาย หากยืนยันโดยเสียงข้างมากก็ดี ด้วยกมธ.ก็ดี คิดว่าก็จะเกิดความโกลาหล เพราะกฎหมายจะออกมาโดยขาดความรอบคอบโดยสิ้นเชิง และจำเป็นที่ประชาธิปัตย์จะต้องพิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของประชาชน โดยการลงมติไม่รับกฎหมายดังกล่าว” นายสาทิตย์ กล่าว

นายสาทิตย์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ต่างประเทศเรียกประเทศไทยว่าเป็นเมืองหลวงกัญชาของโลก นอกเหนือจากยุโรปไปแล้ว เขาเข้าใจว่าเราเป็นกัญชาเสรี ซึ่งตรงกันข้ามกับที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ว่าไว้ว่าขณะนี้เป็นการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ สถานการณ์กัญชาเป็นสิ่งที่สังคมไทยไม่พึงประสงค์ ขอให้นำกัญชากลับมาอยู่ในบัญชียาเสพติดประเภท5 ส่วนกรณีที่มีคนในพรรคภูมิใจไทย ระบุว่าไม่สามารถนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดได้แล้ว เนื่องจากในประมวลกฎหมายยาเสพติดได้ถอดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดแล้วนั้น ขอเรียนว่าไม่เป็นความจริงแต่ประการใด

“เพราะประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 29 กำหนดเพียงว่าการปลดล็อกกัญชาให้เป็นไปตามคำประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้นายอนุทิน ทบทวนนำกัญชากลับเข้าบัญชียาเสพติด เพื่อไม่ให้ไทยเป็นสังคมอุดมยาเสพติด ทั้งนี้ ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง เป็นเรื่องสังคมล้วนๆ และพรรคประชาธิปัตย์ก็อ่านกฎหมายครบถ้วน ไม่ได้เป็นลักษณะไม่อ่านกฎหมายแล้วออกมาค้าน เพราะต้องการได้เสียงอย่างแน่นอน”นายสาทิตย์ กล่าว

ด้านนายพิสิฐ กล่าวว่า การปลดล็อคกัญชาจะทำให้ลูกหลานของพวกเราติดกัญชาโดยไม่รู้ตัว พ่อแม่ผู้ปกครองจะเป็นห่วงว่าลูกหลานจะไปเมากัญชาที่ไหน จากนี้ไปประเทศไทยจะถูกตราหน้าว่าเป็นแดนกัญชา ส่งออกสินค้าชนิดจะโดนตรวจอย่างละเอียดเพราะกลัวว่าเราจะซุกซ่อนกัญชา ทำให้เดือดร้อนกันไปทั่ว คนไทยไปเที่ยวต่างประเทศก็จะโดนตรวจโดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) ดังนั้น ไม่ควรทำให้เกิดกัญชาเสรีเพราะเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง