ผู้บริหารแอป Parler โอดจ่อปิดฉากธุรกิจหลังโดนแบน จากพันธมิตรทุกค่ายในข้อหาเป็นฐานเสียงให้ “ทรัมป์”

มีรายงานข่าวว่า “จอห์น มัตเซ่” ซีอีโอ ของ Parler ผู้ให้บริการโซเชียลมีเดีย ยอมรับกับฟ็อกซ์นิวส์ว่าธุรกิจของเขาจากพันธมิตรต่างๆ อาจจะทำให้ธุรกิจของเขาจบลงได้ ขณะที่เสรีภาพของการพูดนั้น “ทำร้ายทุกคน”

ทั้งนี้ผลกระทบเกิดขึ้นจากยักษ์ใหญ่ทั้งกูเกิล, แอปเปิลและอเมซอนได้ทำการแบนแอป Parler โดยแอปเปิลให้เหตุผลของการแบนคือ Parler ละเมิดเงื่อนไขของ App Store เรื่องมาตรการคัดกรองเนื้อหาที่รุนแรง และก่อนหน้าได้แจ้งปรับมาตรการแล้ว แต่มองว่ามาตรการยังไม่เพียงพอ จึงตัดสินใจแบจนกว่าจะแก้ปัญหาได้

ยังผลให้การใช้งานแอป Parler เหลือเพียงการใช้ผ่านหน้าเว็บ และแอปแอนดรอยด์ แบบติดตั้งผ่าน APK ด้วยตนเอง โดย “มัตเซ่” อมรับว่าอาจต้องใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ในการย้ายระบบ Parler เพราะต้องสร้างระบบขึ้นใหม่

ล่าสุดเขากล่าวว่า พันธมิตรต่างๆ ได้ทอดทิ้งแอปของเขาเกือบทั้งหมด หลังจากยักษ์ใหญ่ 3 ค่านได้ยุติบริการแอปของเจา พันธมิตรทุกรายตั้งแต่ผู้ให้บริการส่งความข้อความสั้น ไปจนถึงผู้ให้บริการอีเมล์ ติดต่อไปยังทนายความของบริษัทเพื่อยุติการาทำงานร่วมกันภายในวันเดียวกันกัน

“พวกเขาทั้งหมดทำงานร่วมกันเพื่อให้แน่ใจว่าในเวลาเดียวกันเราจะสูญเสียการเข้าถึงไม่เพียงแต่แอปของเราเท่านั้น แต่พวกเขากำลังปิดเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดของเราในคืนนี้โดยไม่ใช้อินเทอร์เน็ต” มัตเซ่กล่าว พวกเขาพยายามที่จะไม่เพียง แต่ฆ่าแอปเท่านั้น แต่ยังทำลายทั้งบริษัทด้วย และไม่ใช่แค่สามบริษัท นี้ ผู้ให้บริการทุกรายตั้งแต่บริการส่งข้อความไปจนถึงผู้ให้บริการอีเมลไปยังทนายความของเราต่างก็ทิ้งเราในวันเดียวกัน”

มัตเซ่ กล่าวว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นธรรมกับแอป Parler  “พวกเขากำลังพยายามแอบอ้างว่าเราต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 6 มกราคม ซึ่งในวันที่ผู้ประท้วงยึดอาคารรัฐสภา

มีรายงานว่า ทั้งนี้แอปพลิเคชั่น Parler ถูกระบุว่าเป็นแอปฝ่ายขวา เป็นฐานเสียงให้ “โดนัลด์ ทรัมป์” ว่าที่อดีตประธาธิบสหรัฐ