ผู้นำอียูแสดงความไม่เห็นด้วยกับการปลดล็อกสิทธิบัตรวัคซีนต้านไวรัสโควิดของสหรัฐฯ หากจริงใจในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดทั่วโลกเสนอให้สหรัฐยกเลิกกฏหมายห้ามส่งออกวัคซีนและวัตถุดิบที่เกี่ยวข้องจะได้ประโยชน์มากกว่า ขณะเดียวกันเชิญสหรัฐถกแผนที่เป็นรูปธรรม
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ภายหลังจากการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (EU) และอินเดียเมื่อวันเสาร์ “อังเกลา แมร์เคิล” นายกรัฐมนตรีแห่งของเยอรมนีได้เรียกร้องให้สหรัฐฯ ทำการส่งออกวัคซีนต้านไวัรัสโควิด-19 ที่ผลิตขึ้นภายในประเทศ
“ขณะนี้ชาวอเมริกันได้รับวัคซีนกันอย่างทั่วถึงแล้ว ดิฉันหวังว่า เราจะสามารถเริ่มการแลกเปลี่ยนส่วนประกอบกันได้อย่างอิสระและเปิดตลาดสำหรับวัคซีนเสียที” เธอกล่าว และเสริมว่า อียูส่งออกวัคซีนจำนวนมากที่ผลิตในอียูออกไปแล้วและนั่นควรเป็น “มาตรฐาน”
ขณะเดียวกันเธอแสดงความไม่เห็นด้วยกับการเรียกร้องให้บริษัทผู้ผลิตยาทั้งหลายระงับสิทธิ์คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของวัคซีน
“ดิฉันไม่คิดว่าการระงับการคุ้มครองดังกล่าวคือทางออกที่จะทำให้วัคซีนมีเพียงพอสำหรับผู้คนมากขึ้น แต่กลับคิดว่า เราต้องการความคิดสร้างสรรค์และพลังแห่งนวัตกรรมของบริษัทเหล่านี้ และสำหรับดิฉัน นั่นรวมถึงการคุ้มครองสิทธิบัตรด้วย” แมร์เคิลกล่าว
“แมร์เคิล” ได้ย้ำความสำคัญของการส่งเสริมนวัตกรรม โดยกล่าวว่า มันจะต้องไม่อ่อนแอลงจนถึงขนาดที่ไม่สามารถคิดค้นวิธีการจัดการกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ๆ ได้
วัคซีนเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนไหวมาก เธอกล่าว และเสริมว่า บรรดาผู้ผลิตกำลังพยายามกันอย่างหนักกันอยู่แล้วเพื่อเพิ่มปริมาณการผลิต รวมถึงผ่านหุ้นส่วนจดทะเบียนทั้งหลายด้วย
ด้าน “ชาร์ลส์ มิเชล” หัวหน้าคณะมนตรียุโรป กล่าวว่า ที่จะหารือเกี่ยวกับข้อเสนอของสหรัฐฯในการระงับการคุ้มครองสิทธิบัตรวัคซีน เมื่อรายละเอียดชัดเจนแล้ว
“เราพร้อมที่จะมีส่วนร่วมในหัวข้อนี้ทันทีที่มีการวางข้อเสนอที่เป็นรูปธรรม” มิเชลกล่าวในการประชุมสุดยอดของสหภาพยุโรปในโปรตุเกสซึ่งมีการหารือเกี่ยวกับเรื่องนั้นและอื่น ๆ
เขาเสริมว่าสหภาพยุโรปมีข้อสงสัยเกี่ยวกับแนวคิดนี้ว่าเป็น “กระสุนวิเศษ” ในระยะสั้นและสนับสนุนให้ “พันธมิตรทั้งหมดช่วยอำนวยความสะดวกในการส่งออกวัคซีน”
ด้านประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศสแสดงความกังขาว่า “สิทธิบัตรไม่ใช่สิ่งสำคัญ”
การถกเถียงในประเด็นนี้อาจเป็น “ความคิดที่ดีมาก” มาครง กล่าว แต่เขากล่าวเสริมว่า: “ผมเรียกร้องอย่างชัดเจนว่าสหรัฐฯให้ยกเลิกการห้ามส่งออกไม่เพียงแต่ในวัคซีนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงส่วนผสมของวัคซีนซึ่งขัดขวางการผลิต
“กุญแจสำคัญในการเร่งผลิตวัคซีนให้เร็วขึ้นสำหรับประเทศยากจนและประเทศกำลังพัฒนาคือการผลิตมากขึ้น ก็คือยกเลิกการห้ามส่งออก” มาริโอ ดรากี นายกรัฐมนตรีของอิตาลีกล่าว
“ก่อนที่จะมีการเปิดเสรีวัคซีนควรทำสิ่งที่ง่ายกว่านั้นเช่นการปลดบล็อกการส่งออกซึ่งในปัจจุบันสหรัฐฯและสหราชอาณาจักรยังคงรักษาต่อไป” เขากล่าว
“นี่ฉันจะบอกว่าเป็นสิ่งแรกที่ต้องทำ” เขากล่าว “ข้อเท็จจริงของการเปิดเสรีสิทธิบัตรแม้จะเป็นการชั่วคราว แต่ก็ไม่ได้รับประกันการผลิตวัคซีน”
ขณะเดียวกัน “อัวร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน” ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ได้ด้ประกาศทำสัญญากับไฟเซอร์ สำหรับวัคซีนที่จดสิทธิบัตรมากถึง 1,800 ล้านโดส ส่วนหนึ่งของอุปทานของอียู สำหรับการส่งออกไปยังประเทศที่ต้องการ
ในการประชุมผู้นำสหภาพยุโรปเกิดขึ้นในวันที่สองที่มีการประชุมทวิภาคีระหว่างสหภาพยุโรปและอินเดียซึ่งทางการเมื่อวันเสาร์กล่าวว่าการระบาดใหญ่คร่าชีวิตผู้คนไป 4,000 คนในวันเดียว
ในแถลงการณ์ร่วมทั้งสองฝ่ายกล่าวว่า “ความร่วมมือระดับโลก” จำเป็นต่อการต่อสู้กับโรคระบาดและพวกเขา “สนับสนุนการเข้าถึงวัคซีนการวินิจฉัยและการรักษาโควิด-19 ที่เป็นสากลปลอดภัยเท่าเทียมและราคาไม่แพง”