ผู้จัดการตลาดหุ้นไทยชี้ความขัดแย้งสหรัฐ-อิหร่าน เป็นปัจจัยเสี่ยงหลักของตลาดหุ้นทั่วโลก

  • แนะนักลงทุนติดตามวิเคราะห์ผลกระทบอย่างใกล้ชิด
  • ชี้เป็นโอกาสในการเข้าลงทุนในหุ้นที่ปันผลดีในราคาถูกลง

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึง สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-อิหร่าน หลังจากอิหร่านยิงขีปนาวุธใส่ฐานทัพอากาศสหรัฐในอิรักว่า เป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับหนึ่งของตลาดหุ้นทั่วโลก เพราะยังไม่รู้ว่าเหตุการณ์จะรุนแรงและยืดเยื้อนานแค่ไหน ดังนั้น ขอให้นักลงทุนติดตามศึกษาข้อมูลและบทวิเคราะห์ต่าง ๆ อย่างครบถ้วน เพราะแม้ดัชนีหุ้นไทยจะปรับลดลงประมาณ 1.5 % ในวันเดียว ซึ่งเป็นการปรับตัวลงในระดับกลาง ๆ เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นต่างประเทศ แต่ทุกวิกฤติก็ยังมีโอกาสที่ให้นักลงทุนเข้าลงทุนได้

ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีทั้งกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบและกลุ่มที่ได้รับประโยชน์ ดังนั้น นักลงทุนต้องวิเคราะห์ อย่าไปกังวลว่าผลกระทบจะต้องเท่ากันหมด ซึ่งในช่วงที่ราคามีการปรับตัวลงมากๆ ก็ถือเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนในหุ้นที่ปันผลดี  นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยถือว่ายังมีอัตราผลตอบแทนที่น่าสนใจเฉลี่ยในอัตรา 3.26 % เมื่อรวมกับเงินปันผล หากเทียบกับการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ที่ให้ผลตอบแทน 1.3% 

“ปัจจัยเสี่ยงเป็นปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ เช่น ความวุ่นวายในตะวันออกกลาง ซึ่งแม้จะกระทบดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงมาก แต่ก็เป็นโอกาสในการเข้าลงทุนในหุ้นที่ปันผลดี แต่ราคาต่ำลง ขอให้นักลงทุนวิเคราะห์ภาพรวมอุตสาหกรรมบริษัทจดทะเบียน เพราะผลกระทบไม่เท่ากัน” นายภากร กล่าว

ส่วนภาพรวมตลาดหุ้นไทยปี 2562 ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นมาได้เพียง 1% ในรูปสกุลเงินบาท และ 9.7 % ในสกุลดอลลาร์สหรัฐ  เพราะเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น 7-8 % โดยยังเชื่อว่าปีนี้เงินทุนต่างชาติมีโอกาสที่จะไหลกลับเข้ามายังตลาดหุ้นไทย โดยในช่วงต้นปีนี้สัดส่วนการถือครองหุ้นไทยของต่างชาติปรับขึ้นมาอยู่ที่ 30% ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย 10 ปี จากในช่วงปลายปีก่อนอยู่ที่ 28-29%