ผลวิจัย Harvard ชี้ผู้เคยป่วยโควิดไปรับวัคซีน ภูมิพุ่งทะยาน ต้านเดลต้าได้ดี!

ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ(ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า…

งานวิจัยชิ้นหนึ่งเพิ่งเผยแพร่ออกมาจากทีม Harvard เปรียบเทียบระดับแอนติบอดีต่อเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 ในร่างกายในสภาวะต่างๆ คือ 1. จากผู้เคยติดเชื่้อจากธรรมชาติ (กลุ่มสีเขียว) 2. จากผู้ได้รับวัคซีน mRNA จากทั้ง Pfizer หรือ Moderna (กลุ่มสีดำ) และ 3. จากผู้หายป่วยโควิด และ รับวัคซีน mRNA 2 เข็ม (กลุ่มสีม่วง) โดยเก็บข้อมูลที่เวลาต่างๆหลังได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม

กลุ่มเคยติดเชื้อแต่ไม่ได้รับวัคซีนแอนติบอดีจะอยู่ในระดับไม่สูงมาก ตั้งแต่เริ่มหายป่วย แต่ระดับแอนติบอดีเกือบเป็นเส้นตรง คือ แทบจะไม่ลดลงเลยในช่วงเวลา เกือบ 300 วันที่เก็บข้อมูล ตรงกันข้าม กลุ่มที่ได้รับวัคซีนมา 2 เข็ม ออกตัวแรงมากมีภูมิสูงกว่าการติดเชื้อในธรรมชาติประมาณ 10 เท่า แต่ระดับแอนติบอดีตกไวกว่าอย่างชัดเจน ค่าแอนติบอดีที่สามารถยับยั้งไวรัสเดลต้าได้ ตกลงมาที่ 78 วันหลังสองเข็ม เมื่อเทียบกับ 28 วัน เกือบ 10 เท่า และที่โดดเด่นที่สุด คือ กลุ่มที่หายป่วยแล้วไปรับวัคซีนเพิ่มเข้ามา ภูมิโดดสูงกว่าการติดเชื้อจากธรรมชาติแบบไม่ได้วัคซีนเกือบ 100 เท่า และ ดูเหมือนจะลดลงช้ากว่ากรณีของคนที่ไม่เคยป่วยมาก่อน และ ระดับที่ลดลงเหมือนจะไม่เป็นปัญหา เพราะ ยังสามารถยับยั้งเดลต้าได้อย่างสบายๆ แม้จะผ่านไปเกือบ 200 วันหลังเข็มสองแล้ว

ข้อมูลนี้เป็นการยืนยันว่า Hybrid Immunity คือ ภูมิที่กระตุ้นจากการติดเชื้อด้วยวัคซีน น่าจะเป็นคำตอบของการควบคุมโควิดได้ในที่สุด ใครที่เคยป่วยแล้วและได้รับวัคซีนแล้ว อาจไม่ต้อง boost ไปอีกนานเลยครับ