ปี 2022 ‘เฟซบุ๊ก’ ยืนหนึ่งแพลตฟอร์มยอดนิยมคนไลฟ์ขายของมากที่สุด

  • ผู้ค้าออนไลน์ไทยใช้ไลฟ์ขายของมากที่สุด
  • ประมาณ 1-2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
  • สินค้าแฟชั่นครองอันดับหนึ่ง

นินจาแวน ประเทศไทย ผู้นำบริการโลจิสติกส์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผยผลสำรวจเกี่ยวกับเทรนด์ การไลฟ์สดขายของ ออนไลน์ ประจำปี 2022 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบว่า ผู้ค้าออนไลน์ ในไทยนิยมใช้ ‘เฟซบุ๊ก’ เป็นช่องทางในการไลฟ์สดขายของออนไลน์มากที่สุดถึง 37% โดยผู้ค้าออนไลน์ไทยมากกว่า 56% ใช้เวลาในช่วงการไลฟ์สดขายของประมาณ 1-2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และสินค้าแฟชั่นครองอันดับหนึ่งและทำยอดขายสูงสุด

ในยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างขับเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงโซเชียลมีเดียได้เข้ามามีบทบาทอย่างมาก การทำธุรกิจในปัจจุบันจึงต้องต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา การไลฟ์สดขายของ บนออนไลน์เป็นหนึ่งในเทรนด์อีคอมเมิร์ซที่กำลังมาแรงสำหรับคนที่ทำธุรกิจในยุคนี้ จากผลการสำรวจความคิดเห็นและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการไลฟ์สดขายของออนไลน์ ที่รวบรวมจากการตอบแบบสอบถามของ ผู้ค้าออนไลน์ ของนินจาแวนกรุ๊ปกว่า 1,000 รายใน 6 ประเทศได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม

ปรากฏว่าแพลตฟอร์มยอดนิยม 3 อันดับ ที่ผู้ค้าออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นิยมใช้ไลฟ์สดขายของในการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ได้แก่ ชอปปี้ (27%) มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือ ‘เฟซบุ๊ก’ (25.5%) และ ติ๊กต็อก (22.5%) โดยใช้เวลาในการจัดเซสชั่นไลฟ์สดขายของมากถึง 6 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และสินค้าแฟชั่นเป็นสินค้าที่นิยมไลฟ์ขายสดมากที่สุด รองลงมาเป็นความงามและของใช้ส่วนตัว และอาหารและเครื่องดื่ม ตามลำดับ ส่วนสินค้ากลุ่มนาฬิกา กระเป๋า และเครื่องประดับนิยมน้อยที่สุด

ขณะที่ผลสำรวจจาก ผู้ค้าออนไลน์ คนไทยพบว่า ‘เฟซบุ๊ก’ (37.9%) เป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมใน การไลฟ์สดขายของ มากที่สุด รองลงมาคือ ติ๊กต็อก (26.9%) และ ชอปปี้ (19.8%) หมวดหมู่สินค้าที่นิยมไลฟ์และทำยอดขายสูงสุด ได้แก่ แฟชั่น 33% ความงามและของใช้ส่วนตัว 28% ของใช้ในบ้าน 22% เด็กอ่อนและของเล่น 22% ส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นิยมน้อยที่สุดเพียง 12%

วินส์ตัน เซียว Chief Marketing and Enablement Officer นินจาแวน กรุ๊ป เผยว่า การไลฟ์สดขายของ กลายเป็นกระแสหลักสำหรับผู้ค้าออนไลน์ในยุคปัจจุบัน เพราะเป็นกลยุทธ์การตลาดและการขายที่ลงทุนน้อยแต่ได้ผลลัพธ์ที่ดีเกินคาด ซึ่งเห็นได้จากผลสำรวจ

พบว่าผู้ค้าออนไลน์ส่วนใหญ่บอกว่าการไลฟ์สดขายของนั้นช่วยให้พวกเขา สามารถสร้างกลุ่มลูกค้าใหม่มากขึ้น ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และยังช่วยการสร้างกระแสฮือฮาและการรับรู้เกี่ยวกับธุรกิจของพวกเขามากขึ้น

ขณะที่ความรู้สึกเขินอายเวลาอยู่หน้ากล้อง กลายเป็นความท้าทายและอุปสรรคของผู้ค้าออนไลน์เหล่านี้มากถึง 37% และผู้ค้าออนไลน์คนไทยมากเป็นเป็นอันดับหนึ่งถึง 47% อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการไลฟ์สดขายของ จะยังเป็นเทรนด์การตลาดหลักที่มาแรงในปี 2023 และจะเป็นโอกาสสร้างการเติบโตสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซในอนาคต