ปิดตลาดส่งท้ายสัปดาห์ ดาวโจนส์ร่วงต่อ 256 จุด กังวลโควิด-19

ซาอุเปิดสงครามราคานน้ำมันสั่งสอนรัสเซีย
  • นักลงทุนยังคงเทขายหุ้นต่อเนื่องถือสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น
  • ตลาดกังวลผลกระทบโควิด-19ต่อเศรษฐกิจสหรัฐร้ายแรงกว่าที่คาดไว้
  • นักวิเคราะห์คาดเฟดลดดอกเบี้ยต่อแม้เพิ่งลดในการประชุมฉุกเฉิน0.5%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 6 มี..ส่งท้ายสัปดาห์ที่ 25,864.78 จุด ลดลง 256.50 จุด หรือ -0.98%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,972.37 จุด ลดลง 51.57 จุด หรือ -1.71% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส  ปิดที่ 8,575.62 จุด ลดลง 162.98 จุด หรือ -1.87

นักลงทุนได้เทขายหุ้น และพากันเข้าซื้อพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.695%, อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 30 ปี ดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่1.28% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 0.45% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2558

นักวิเคราะห์ระบุว่า การทรุดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งสะท้อนความวิตกในตลาดที่ว่าการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลายแห่ง อาจไม่เพียงพอที่จะป้องกันผลกระทบจากไวรัสดังกล่าว

หุ้นกลุ่มพลังงาน ร่วงลงอรงตามราคาน้ำมันดิบสหรัฐ ขณะที่หุ้นสตาร์บัคส์ ลดลง 1.1% หลังคาดว่ายอดขายในจีนในไตรมาสแรกปีนี้จะลดลงราว 50% สำหรับร้านที่เปิดทำการมาอย่างน้อย 1 ปี

หุ้นคอสต์โค โฮลเซล คอร์ป ร่วง 1.4% หลังเปิดเผยว่า บริษัทเผชิญความยากลำบากในการตอบสนองความต้องการสินค้าจำเป็น อาทิ ยาฆ่าเชื้อ

หุ้นกลุ่มผู้ประกอบการเรือสำราญร่วงลง โดยหุ้นคาร์นิวาล ร่วง 2.6% และหุ้นรอยัล แคริบเบียน ลดลง 1.2% หลังสื่อรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาที่จะสั่งห้ามชาวสหรัฐจากการเดินทางท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญ

ทั้งนี้ แม้กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 273,000 ตำแหน่งในเดือนก.สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 175,000 ตำแหน่ง และข่าวดีที่วาา อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.5% ในเดือนก.ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี จากระดับ 3.6% ในเดือนม..แต่ไม่สามารถฉุดดัชนีให้กลับมาอยู่ในแดนบวก

ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ยังคงเรียกร้อวให้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย และกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีก แม้ว่าเฟดเพิ่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉิน 0.50% เมื่อวันอังคาร เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดยังมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 17-18 มี..

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดมีแนวโน้ม 72.6% ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย0.75% ในวันที่ 18 มี.จากระดับ 1.00-1.25% สู่ระดับ 0.25-0.50% และมีแนวโน้ม 27.4% ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย0.50% สู่ระดับ 0.50-0.75%