ประวิตร”สั่ง กอนช. รุดช่วยชาวนาแก้ปัญหาน้ำแล้ง จ.อ่างทอง

  • กรมชลประทานเพิ่มการผันน้ำจากแม่น้ำน้อย
  • บรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น

นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เปิดเผยว่า ตามที่เกษตรกร ต.บ้านพราน อ.แสวงหา จ.อ่างทอง ในพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชัณสูตร ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร และขอให้ภาครัฐให้ความช่วยเหลือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ได้รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นและมีความห่วงใยเกษตรกรในพื้นที่จึงได้มอบหมายให้กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ โดยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติประสานกรมชลประทานให้ความช่วยเหลือเกษตรกรภายในวันที่ 14 ก.ค.2563 กรมชลประทานจึงได้วางแผนบริหารจัดการน้ำแบบหมุนเวียนโดยการเพิ่มปริมาณน้ำเข้าแม่น้ำน้อยจากเดิมในอัตรา 10 ลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)ต่อวินาที เป็น 20 ลบ.ม.ต่อวินาที และจะยังคงรับน้ำจากคลองชัยนาท-ป่าสัก และแม่น้ำท่าจีน ในอัตรา 15ลบ.ม.ต่อวินาที ช่วยเหลือพื้นที่นาปีที่ได้ปลูกข้าวไปแล้วในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา จำนวน 2.63 ล้านไร่ ซึ่งรวมถึงพื้นที่บริเวณจ.อ่างทองด้วย เพื่อบรรเทาภาวะขาดแคลนน้ำที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม กรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน. คาดการณ์แนวโน้มฝนจะเพิ่มขึ้นในกลางเดือนนี้ไปจนถึงเดือนก.ย. ซึ่งจะส่งผลให้สถานการณ์การขาดแคลนน้ำในพื้นที่เริ่มคลี่คลาย อีกทั้งเกษตรกรในพื้นที่ทุ่งเจ้าพระยาที่ยังไม่ได้เพาะปลูกข้าวนาปีอีก 5.47 ล้านไร่ ก็จะสามารถทำการเพาะปลูกได้ตามลำดับด้วย

ทั้งนี้ กองอำนวยน้ำแห่งชาติ (กอนช.) มีการติดตามประเมินสถานการณ์ สภาพอากาศ แนวโน้มฝน ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำในช่วงฤดูฝน พร้อมทบทวนมาตรการป้องกัน ความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือพื้นที่เสี่ยงอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.เป็นต้นไป หน่วยงานที่เป็นคณะทำงานภายใต้กองอำนวยการน้ำแห่งชาติจะเข้าปฏิบัติหน้าที่ที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ อาคารจุฑามาศ เขตหลักสี่ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ และร่วมกันปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิด สำหรับในส่วนของการวางแผนการเก็บน้ำต้นทุนในแหล่งน้ำต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุดเพื่อเป็นปริมาณน้ำสำรองในฤดูแล้งปีหน้านั้น กองอำนวยการน้ำแห่งชาติได้มอบหมายให้กรมชลประทานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สำรวจตรวจสอบอุปสรรคที่ทำให้น้ำไม่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำ รวมถึงเสนอแนวทางการดึงน้ำ จูงน้ำ และหาแนวทางการเก็บกักน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ให้ได้มากที่สุดในช่วง 1-2 เดือนนี้ โดยจะมีการจัดประชุมสรุปแนวทางการดำเนินการอีกครั้งในปลายเดือนก.ค.นี้