“ประวิตร”ลงพื้นที่ระยอง ติดตามแก้ปัญหาน้ำแล้ง น้ำท่วมและการบริหารจัดการน้ำพื้นที่อีอีซี

  • .ย้ำจำเป็นต้องมุ่งความยั่งยืน
  • .เร่งปิดความเสี่ยงการขาดแคลนน้ำ

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน พร้อมคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.ระยอง ร่วมรับฟังการบริหารราชการ และติดตามความคืบหน้าการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก ณ ศาลากลางจังหวัดระยอง

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณ ทุกส่วนราชการ จ.ระยอง ที่ร่วมกันดูแลพัฒนาเศรษฐกิจและความมั่นคงในพื้นที่ที่ผ่านมา โดยย้ำถึงความสำคัญของ จ.ระยอง ซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม การเกษตรและการบริการของภาคตะวันออก ที่ต้องบริหารจัดการและการจัดระเบียบสังคมควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมร่วมกันไปอย่างสมดุล ทั้งนี้ได้กำชับ ขอให้มีมาตรการและตัวชี้วัดที่เป็นรูปธรรมในการแก้ปัญหายาเสพติด แรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ในแรงงานภาคอุตสาหกรรมและภาคประมง ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในพื้นที่

ต่อจากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้เดินทางไปติดตามการบริหารจัดการน้ำเพื่อความมั่นคง ณ อ่างเก็บน้ำดอกกราย อ.ปลวกแดง ซึ่งในภาพรวมมีความคืบหน้าไปมาก โดย กำชับให้สำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.)และกรมชลประทาน ร่วมกันพัฒนาสร้างความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ( อีอีซี) ให้เป็นไปตามแผน อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องบูรณาการรองรับการขาดแคลนน้ำของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกในฤดูแล้งควบคู่กันไปในภาพรวม โดยเฉพาะกับ 3 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมืองระยอง อ.บ้านค่าย และ อ.ปลวกแดง ที่ประสบทั้งปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยในแต่ละปี

พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรียังได้ย้ำการแก้ปัญหาความเสี่ยงขาดแคลนน้ำภาคตะวันออก โดยขอให้เตรียมมาตรการระยะเร่งด่วน ช่วยกระจายแบ่งปันน้ำให้ทั่วถึงทั้งภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรม โดยให้ระบายน้ำและผันน้ำระหว่างแหล่งน้ำต่างๆ เพื่อช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ เช่น จากอ่างเก็บน้ำคลองหลวงไปยังอ่างเก็บน้ำบางพระ จากอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่และแม่น้ำระยองไปยังอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล รวมทั้งการพิจารณานำน้ำจากคลองหู มาใช้ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด สำหรับมาตรการระยะยาว ขอให้ปรับปรุงฝายบ้านวังใหม่ จ.จันทบุรี และระบบท่อส่งน้ำและระบบชลประทาน ให้สามารถรองรับการสูบผันน้ำกลับจากพื้นที่น้ำมากไปยังพื้นที่น้ำน้อย โดยพยายามไม่ให้น้ำไหลลงทะเลอย่างสูญเปล่า รวมทั้งให้เพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำ ทั้งใน จ.จันทบุรี จ.ระยอง จ.ชลบุรี และ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อลดความเสี่ยงของปัญหาการขาดแคลนน้ำดังกล่าว