ปตท.สผ. ประกาศขยายการลงทุนในตะวันออกกลางอีกครั้ง

  • ชนะการประมูลร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ
  • แปลงสำรวจออฟชอร์ 3 นอกชายฝั่งยูเออี
  • เสริมสร้างการลงทุนในภูมิภาคตะวันออกกลาง

นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือปตท.สผ. เปิดเผยว่า ปตท.สผ. โดยบริษัท พีทีทีอีพี มีนา จำกัด (PTTEP MENA Limited)ท่ี ร่วมทุนกับบริษัท อีเอ็นไอ อาบูดาบี (Eni Abu Dhabi) บริษัทในเครือของอีเอ็นไอ (Eni) ผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ของประเทศอิตาลี ได้ชนะประมูลในแปลงออฟชอร์ 3 (Block Offshore 3) จากบริษัท อาบูดาบี เนชั่นแนล ออยล์ หรือ แอดนอค (Abu Dhabi National Oil Company หรือ ADNOC) บริษัทน้ำมันแห่งชาติของ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี )โดยมีอายุสัมปทานตั้งแต่ระยะการสำรวจ พัฒนา และผลิต รวม 35 ปี

สำหรับ แปลงออฟชอร์ 3 ตั้งอยู่นอกชายฝั่งยูเออี และอยู่ติดกับแปลงออฟชอร์ 1 และออฟชอร์ 2 ซึ่ง ปตท.สผ. และอีเอ็นไอ ได้ชนะการประมูลร่วมกันเมื่อปี 2562 โดยเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพปิโตรเลียมสูงอันดับต้น ๆ ของโลก รวมทั้ง เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์การลงทุนที่สำคัญของบริษัทด้วย ทั้ง 3 แปลงยังตั้งอยู่ในบริเวณที่โครงสร้างพื้นฐานมีความพร้อมสำหรับการพัฒนาธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ รวมถึง ยังมีตลาดที่พร้อมรองรับการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“การชนะการประมูลร่วมกันอีกครั้งในแปลงออฟชอร์ 3 เป็นการกระชับความร่วมมือกันระหว่าง ปตท.สผ. อีเอ็นไอ และแอดนอค ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญระดับโลกให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งกลุ่มพันธมิตรจะร่วมกันนำความรู้ ประสบการณ์ ความสามารถ เข้ามาพัฒนาแปลงสำรวจทั้ง 3 ให้ประสบความสำเร็จ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจปิโตรเลียมในยูเออี ในขณะเดียวกัน ยังเป็นการสร้างการเติบโตและขยายฐานการลงทุนของบริษัทในภูมิภาคตะวันออกกลางตามกลยุทธ์ Execute & Expand ที่จะสามารถเพิ่มปริมาณสำรองและกำลังการผลิตปิโตรเลียมให้กับบริษัทได้ในอนาคต”

สุลต่าน อาห์เหม็ด อัล จาเบอร์ รมว.อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีของยูเออี กล่าวว่า การให้สัมปทานกับอีเอ็นไอและ ปตท.สผ. ในครั้งนี้ ได้ตอกย้ำการเป็นพันธมิตรที่ดี สะท้อนถึงความร่วมมือที่แน่นแฟ้นมากขึ้นกับประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดที่สำคัญของยูเออี ซึ่งยูเออี พร้อทมเปิดโอกาสให้พันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาลงทุน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียม และสร้างผลตอบแทนในระยะยาว

นายเคลาดิโอ เดสคัลซี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อีเอ็นไอ กล่าวว่า กลุ่มผู้ร่วมทุนจะนำความเชี่ยวชาญมาใช้ในการสำรวจเพื่อเพิ่มทรัพยากรปิโตรเลียม รวมทั้ง สำรวจปิโตรเลียมร่วมกันในแปลงสำรวจทั้งหมดที่ได้รับมา

ทั้งนี้ แปลงออฟชอร์ 3 มีขนาดพื้นที่ 11,660 ตารางกิโลเมตร เป็นแปลงสำรวจนอกชายฝั่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดจากที่มีการเปิดประมูลทั้งหมดในยูเออี ซึ่งได้มีการวัดคลื่นไหวสะเทือนแบบ 3 มิติ (3D seismic survey) ในพื้นที่บางส่วนแล้ว พบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีศักยภาพเป็นก๊าซธรรมชาติ โดยพีทีทีอีพี มีนา และอีเอ็นไอ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการ ถือสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 30 %และ 70% ตามลำดับ สัมปทานแปลงสำรวจออฟชอร์ 1 และออฟชอร์ 2 ปัจจุบัน อยู่ระหว่างการศึกษาทางธรณีวิทยา ประเมินศักยภาพปิโตรเลียม และเตรียมการเจาะหลุมสำรวจปี 2564