“บ้านดีมีดาวน์” วันแรกคึกคัก คนแห่ลงทะเบียนกว่า 40,000 ราย

  • กำจัดสิทธิ์ลงทะเบียนรอบแรก แค่ 500,000 ราย
  • ก่อนตรวจสิทธิ์เหลือ 100,000 รายแรกเท่านั้น
  • ได้สิทธิ์รับเงินฟรีจากรัฐ 50,000 บาท

นายลวรณ  แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า วันนี้เป็นวันแรกที่กระทรวงการคลังเปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถลงทะเบียน “โครงการบ้านดีมีดาวน์” ผ่าน www.บ้านดีมีดาวน์.com ตั้งแต่เวลา 8.00 – 18.00 น. โดยล่าสุด ณ 13.00 น. มีผู้ลงทะเบียนแล้วจำนวน 40,906 ราย ซึ่งผู้ที่ลงทะเบียนแล้วระบบจะใช้เวลาตรวจสอบสิทธิ์รอบแรก 3 วันทำการ หลังจากนั้นจะได้รับข้อความ SMS แจ้งผลการตรวจสอบคุณสมบัติในรอบแรกว่าได้เป็นผู้เข้าร่วมโครงการหรือไม่  ไม่เกินวันที่ 16 ธ.ค.62

ทั้งนี้หากเป็นผู้ที่ผ่านการตรวจสอบสามารถนำ SMS ดังกล่าวไปแสดงต่อสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการเพื่อแสดงตนว่าเป็นผู้เข้าร่วมโครงการได้  ทั้งนี้กระทรวงการคลังกำหนดเวลาในการเปิดรับลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 8.00 – 18.00 น. ของทุกวัน ตั้งแต่วันนี้ 11 ธ.ค.2562 – 31 มี.ค.2563 และในช่วงแรกจะจำกัดจำนวนผู้ลงทะเบียน 500,000 รายเท่านั้น เพราะจะต้องตรวจสอบสิทธิ์ผู้ลงทะเบียนทั้งหมดก่อนว่ามีคุณสมบัติตรงตามที่กำหนดหรือไม่ โดยผู้ที่ผ่านคุณสมบัติ 100,000คนแรกเท่านั้น จะเป็นผู้ได้รับสิทธิจะได้รับเงินสนับสนุน 50,000 บาทจากรัฐบาล

ทั้งนี้ในส่วนของการกรอกข้อมูลหน้าเว็บไซต์ที่ลงทะเบียนมีเพียงข้อมูลเบื้องต้น ได้แก่ เลขประจำตัว 13 หลัก ชื่อ-สกุล วันเดือนปีเกิด รหัสหลังบัตรประชาชน หมายเลขโทรศัพท์มือถือและ อีเมล์ (E-mail)

ส่วนของคุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับสิทธิยังคงเดิม คือ 1.เป็นผู้มีสัญชาติไทย 2. เป็นผู้อยู่ในระบบฐานภาษีกรมสรรพากรและมีเงินได้ในปีภาษี 2561 ไม่เกิน 1,200,000 บาท 3. เป็นผู้ที่มีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก และ 4.เป็นผู้ที่ขอสินเชื่อตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด ได้แก่ เป็นผู้ที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและจดจำนองแล้วเสร็จตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. 2562 ถึง31 มี.ค. 2563 เป็นการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ที่สร้างเสร็จแล้วจากผู้ประกอบการที่เป็นผู้จัดสรรตามกฎหมายและ ไม่ใช่การกู้เพื่อรีไฟแนนซ์  

“คาดว่าโครงการนี้จะช่วยระบายสต๊อกของที่อยู่อาศัยที่สร้างเสร็จแล้วและใกล้แล้วเสร็จที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 270,000 ยูนิต และก่อให้เกิดการลงทุนใหม่และส่งผลดีต่อเนื่องไปยังธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป”