“บีทีเอส” ประกาศ!พร้อมลงทุนระบบราง – โครงสร้างพื้นฐานร่วมฟื้น เศรษฐกิจประเทศมั่นใจชนะประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม 1.4 แสนล้าน

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)(บีทีเอสซี) เปิดเผยว่า บีทีเอส มีความสนใจที่จะเข้ามาร่วมดำเนินการในโครงการที่จะมีขึ้นในอนาคตของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย( รฟม.)ซึ่งล่าสุดได้ประกาศให้เอกชนร่วมลงทุนในสายสีส้ม มูลค่ากว่า 140,000 ล้านบาท ระยะทาง 35.9 กม. ใน 28 สถานี ซึ่งจะเริ่มประมูลใน 2 เดือนข้างหน้า โดย บีทีเอสหวังว่าจะชนะการประมูล ทั้งนี้มีหลายโครงการที่ภาครัฐอยากให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วม คือ 1 ในเอกชน ซึ่งบีทีเอสมีความพร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐ ในการเข้ามาพัฒนาโครงการโครงสร้างพื้นฐาน ให้มีความยั่งยืน โดยใช้ความสามารถของเอกชน

ทั้งนี้ในปัจจุบัน บีทีเอสได้ให้บริการรถไฟฟ้าอยู่แล้วใน 4 เส้นทาง ได้แก่ 1.โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่เปิดบริการมาแล้ว 20 ปี มีสถานีรถไฟฟ้าให้บริการประชาชนทั้งสิ้น 52 สถานี รวมระยะทาง การให้บริการ 58.32 กิโลเมตร(กม.) และจะพัฒนาส่วนต่อขยาย โดยทางทิศใต้ จะเปิดจนถึง จ.สมุทรปราการ ทิศเหนือ เริ่มทยอยเปิดไปแล้วขณะนี้เปิดถึงสถานีวัดพระศรี และสิ้นปี 63 นี้จะเปิดถึงสถานีคูคต จะทำให้มีสถานีให้บริการทั้งสิ้น 59 สถานี รวมระยะทาง 68.25 กม. 2.โครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี วงเงินโครงการ 31,680 ล้านบาท ระยะทางประมาณ 34.5 กม. รวม 30 สถานี 3.โครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง วงเงิน 31,680 ล้านบาท ระยะทางประมาณ 30.4 กม. รวม 23 สถานี

ส่วนโครงการที่ 4.โครงการรถไฟฟ้าสายสีทอง เป็นระบบรถไฟฟ้าขนาดเล็ก ระยะทางราว 1.80 กม. ซึ่งแบ่งดำเนินการในระยะที่ 1 มีจำนวน 3 สถานี คือ สถานีกรุงธนบุรี สถานีเจริญนคร และสถานีคลองสาน เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนในพื้นที่ฝั่งธนบุรีที่มีการพัฒนาเป็นย่านเศรษฐกิจใหม่ที่มีศักยภาพ ขณะนี้ระบบโยธาแล้วเสร็จ 96% และคาดว่าเปิดบริการในเดือนตุลาคม 63 นี้

“โดยในโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง มีความคืบหน้าไปกว่า 50% เป็นรถไฟฟ้าโมโนเรล สายแรกของประเทศไทย คาดว่าปลายปีหน้าจะเปิดบริการทั้ง 2 สาย แต่ยังไม่เต็มโครงการ เนื่องจากปัญหาของการส่งมอบพื้นที่ และตามนโยบายไทยเฟิร์ส โดยรถไฟฟ้าทั้งสายสีชมพูและสีเหลือง จะริเริ่มในการใช้คนไทยทำ งานโยธาใช้คนไทย โดยบมจ.ซิโน-ไทยเอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น และมีอุปกรณ์หลายอย่างที่เราขอให้ผลิตในประเทศไทย เพื่อการซ่อมบำรุง การส่งออก ไปจนถึงการนำไปทำสายอื่นในอนาคต” นายสุรพงษ์ กล่าว

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า นอกเหนือจากรถไฟฟ้าแล้วก็ได้ร่วมมือกับพันธมิตรพัฒนาจากโครงสร้างพื้นฐาน ขยายไปในส่วนที่เป็นระบบคมนาคม ขนส่งอื่นๆ ได้แก่ 1.โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก โดย บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมกันของ 3 บริษัท (กลุ่มกิจการร่วมค้า BBS) บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมกันลงทุนประมาณกว่า 290,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะใช้เวลา 4 ปีครึ่งจะแล้วเสร็จ เพื่อเป็นสนามบินแห่งที่ 3 ของ กทม. และเพื่อเพิ่มศักยภาพการบินของประเทศไทย

นอกจาก นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า บีทีเอสยังได้ร่วมกับพันธมิตรอีกกลุ่ม ในการประมูลมอเตอร์เวย์ 2 สาย ของกรมทางหลวง ดังนี้ ได้แก่ 1.โครงการมอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา(M6) คาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 3 ปี ดำเนินการโดยกิจการร่วมค้า BGSR ประกอบด้วย บมจ.บีทีเอสกรุ๊ป โฮลดิ้งส์, บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์, บมจ.ซิโน-ไทยเอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น และ บมจ.ราชกรุ๊ป มูลค่าโครงการกว่า 21,329 ล้านบาท และ 2.โครงการมอเตอร์เวย์ สายบางใหญ่-กาญจนบุรี(M81) มูลค่าโครงการกว่า 17,809 ล้านบาท ระยะทาง 96 กม. ดำเนินการโดยกิจการร่วมค้า BGSR ประกอบด้วย บมจ.บีทีเอสกรุ๊ป โฮลดิ้งส์, บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์, บมจ.ซิโน-ไทยเอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น และ บมจ.ราชกรุ๊ป เช่นกัน