“บิ๊กตู่” แจงแก้ปัญหาเศรษฐกิจบางเรื่องใจร้อนไม่ได้ ต้องใจเย็น ผมใจร้อนยิ่งกว่าท่าน

  • รัฐบาลเดินหน้าลงทุนพื้นฐานต่อเนื่อง
  • ยันไม่ได้แย่ ลั่นไม่ทิ้งปชช. ทุกกลุ่ม
  • ชี้รัฐพร้อมรับมือโควิด-19 ระยะ 3

เมื่อเวลา 19.45 น. วานนี้(24 ก.พ.)พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ชี้แจงว่า การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลใน 7 เดือนที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ท้าทายมาก มีหลายอย่างเป็นปัจจัยทั้งภายในภายนอก ก่อนหน้านั้นเราสามารถทำให้เศรษฐกิจขยายตัวถึง 4 %ขึ้นไป ก่อนหน้านั้น แต่ขณะนี้มีวิกฤตเศรษฐกิจโลกช่วงขาลงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เศรษฐกิจโลกชะลอตัว เริ่มตั้งแต่ประมาณกลางปี61 ถึงหนึ่งปีก่อนหน้าที่รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามาบริหาร ตรงนี้ท่านปฏิเสธไม่ได้ ทุกคนทราบดี ภาพรวมที่ท่านพูดถูกทั้งหมด แต่ท่านก็ต้องยอมรับในข้อเท็จจริงที่ตนชี้แจงด้วย ในเรื่องผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี )ความเป็นอยู่ เป็นเรื่องบังคับไม่ได้ แต่เราต้องแก้ไขปัญหา ไอเอ็มเอฟเองก็ปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจโลกถึง 6 ครั้ง จากเดิมคาดว่าอยู่ที่ประมาณ 3.9 %ก็ปรับเหลือ 2.9 % ถือเป็นการประมาณการที่ต่ำที่สุด ตั้งแต่วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลมีการคาดการณัฐพรล่วงหน้าในพื้นที่ขาดน้ำ 45 จังหวัด ทั้งในเขตบริการประปา และนอกเขตบริการ เข้าสู่ช่วงฤดูแล้ง ประเทศจีนได้เพิ่มการระบายน้ำ ซึ่งหลายคนสงสัยว่าเพิ่มจริงหรือเปล่า ถ้าเขามีน้ำก็เพิ่ม แต่ถ้าเขาไม่มีก็กักน้ำไว้ เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เป็นเรื่องกฏหมายระหว่างประเทศ แต่วิธีการคือเราต้องหาทางกักเก็บน้ำในฝั่งเราก่อนที่จะไหลลงแม่น้ำ วันนี้เราทราบดีอยู่แล้วว่าพื้นที่ความเสี่ยงเท่าไหร่ วันนี้ประกาศภัยแล้งไปแล้ว 22 จังหวัดโดยประมาณ เตรียมอนุมัติงบกลางไปช่วยเหลือ โครงการใหญ่ๆอีก 57 โครงการ

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีว่า เรามีการปรับปรุงให้สินเชื่อระยะสั้น การค้ำประกันสินเชื่อ มาตรการต่อเติมเสริมทุนให้เอสเอ็มอีสร้างไทย 3 กลุ่ม กลุ่มแรก คือต้องการสภาพคล่อง กลุ่มสอง คือ ต้องการความช่วยเหลือทันที จะบอกว่าไม่ดูแลหรือ ความจริงเราแยกเป็นกลุ่มๆดูแล กลุ่มสาม คือ สภาพปกติ ประเด็นสำคัญคือทุกคนต้องเข้าสู่การจดทะเบียนจะได้เข้าถึงการช่วยเหลือของรัฐบาล

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนด้านเศรษฐกิจเครื่องยนต์ระดับประเทศ การส่งออก ท่องเที่ยว ลงทุนพื้นฐานของรัฐ ทางรถไฟมีจำนวนมากขึ้น เดิมมีอยู่ 4,000 กิโลเมตรกลายเป็น 6,000กิโลเมตร รถไฟทางคู่ก็มี รถไฟความเร็วสูงก็มี ถามว่าร้อยปีการรถไฟมีทางรถไฟเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ แต่วันนี้กำลังพัฒนา สายรถไฟกำลังเกิดใหม่ ภาคอีสาน ภาคเหนือ เกิดอีกหลายจังหวัด เห็นประชาชนก็รักตนดี เขาก็ชอบ มีรถไฟ มีถนนเพิ่มอีกหลายพันกิโลเมตร ถามว่าตนไม่ทำหรือเรื่องเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม สำหรับการส่งออก เป็นภาคเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของประเทศที่มีสัดส่วนมากถึง 60 % ของจีดีพีประเทศ วันนี้จึงได้จัดทำแผนการรับมือภาวะเศรษฐกิจโลก การส่งออกในตลาดส่งออก การค้าขายชายแดน ผลักดันภูมิภาคอาเซียน การส่งเสริมสินค้าเกษตรขยายตัวในต่างประเทศ การฟื้นฟูตลาดเก่า การพัฒนาศักยภาพข้าว เป็นต้น

“ต่างคนต่างให้โอกาสซึ่งกันและกัน ผมฟังท่าน ท่านก็ฟังผมบ้าง ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่อยู่ทางบ้าน บางเรื่องใจร้อนไม่ได้ ต้องใจเย็น ผมใจร้อนยิ่งกว่าท่าน ในส่วนที่ท่านบอกว่าผมทำเสียหาย ผมยังนึกไม่ออกว่าทำเสียหายตรงไหน ท่านกล่าวหาผมมากมาย ผมขออนุญาตไม่กล่าวถึงใคร แต่ก่อนหน้านี้มีความเสียหาย 124646 ล้านบาท ใกล้มาอีกนิดหนึ่ง 489,767 ล้านบาท เรื่องอะไรท่านทราบดี ทุจริตต่างๆเยอะแยะไปหมด ตัวเลขมีอยู่ในนี้ อยู่ในศาล ผมยังไม่มีเรื่องราวอะไรของผม เพราะฉะนั้นผมจะฟังผลการตัดสินของศาล ผมเชื่อมั่นศาลไทย กระบวนการยุติธรรมของไทย เพราะคนอื่นก็ได้รับการตัดสินจากศาลนี้เหมือนกัน ไม่เช่นเฉพาะนักการเมือง นายกรัฐมนตรี เพราะเป็นของประชาชนโดยรวม ดังนั้น ผมจึงต้องเคารพและไม่เคยก้าวล่วงใครทั้งสิ้น ผมคิดว่าประชาชนที่อยู่ทางบ้านเข้าใจกันพอสมควรที่ผมพูด ผมย่อที่สุดแล้ว ผมมีเอกสารเป็นตั้งๆ ใครอยากรู้มาขอไปดูได้” นายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้าย