“บิ๊กตู่” เหน็บฝ่ายค้านโชว์ภาพ 24 ตระกูลคนรวย “พลาดไปหนึ่งตระกูล หายไปไหน”

  • ย้อนมีภาพคู่เจ้าสัว เพราะพบเปิดเผยไม่เอื้อประโยชน์
  • โต้ละเอียดยิบภัยแล้งคนว่างงานหนี้ครัวเรือนเอสเอ็มอี
  • ยันทุกอย่างแก้ไขและกำลังไปด้วยดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 ..) เวลา 14.10 พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจง นายสุทิน คลังแสง ..มหาสารคาม พรรคเพื่อไทยและประธานวิปฝ่ายค้าน เรื่องการเอื้อประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้อง มีหลายท่านเอารูปผมที่ถ่ายคนนั้นคนนี้  24 ตระกูล แต่ผมว่าหายไปตระกูลหนึ่งมั้ง ตระกูลนี้ไปอยู่ไหนก็ไม่รู้ ตระกูลที่รวยผิดปกติหายไปไหนหรือเปล่า แต่ถ้าถูกกฎหมายก็ยังอยู่ได้ ผมว่าหายไปตระกูลหนึ่ง พลาดไปหน่อยการที่มีรูปผมไปอยู่ตรงนั้น ผมถือว่าเป็นการประชุมโดยเปิดเผย มีการพบปะอย่างเปิดเผย แต่ถ้าใครไม่มีรูปแบบนี้แสดงว่ามีการพบปะแบบไม่เปิดเผยก็ลองไปดูตรงนี้ ผมไม่ได้ไปทะเลาะกับใคร

ส่วนการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำของรัฐบาล ปัญหาเศรษฐกิจ แรงงาน การแก้ปัญหาภัยแล้ง และการเอื้อผลประโยชน์ ว่า การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำเรื่องนี้ไม่ใช่รัฐบาลไม่ทราบ ดูถูกรัฐบาลเหลือเกินว่าไม่เคยดูรูปแบบการแก้ไขปัญหาของต่างประเทศ ซึ่งได้มีการนำมาประยุกต์แก้ไขปัญหาของเราทั้งหมด ส่วนที่ฝ่ายค้านกล่าวหารัฐบาลยกเว้นภาษีให้กับอาลีบาบานั้น มีการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ ซึ่งบริษัทดังกล่าวได้เช่าพื้นที่เอกชนเพื่อกระจายสินค้า มีการยกเว้นเฉพาะภาษีอากรขาเข้า แต่เมื่อนำมาขายออนไลน์ในประเทศต้องเสียภาษีปกติ

พล..ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนปัญหาอีสานแล้ง เนื่องจากมีการก่อสร้างขนาดใหญ่ในแม่น้ำโขงที่ประเทศจีน ซึ่งปลายปี62 จีนทดลองเดินเครื่องไฟฟ้าทำให้น้ำในแม่น้ำโขงแห้ง ตนได้ให้รัฐมนตรีขอจีนปล่อยน้ำ ปีนี้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงน้อยกว่าปีๆก่อน ซึ่งเราก็ไม่ต้องไปขอร้องใครมากมาย แต่เป็นการประสานงานในกลุ่มผู้ใช้น้ำ ที่หลายประเทศใช้ร่วมกันมีการตกลง ซึ่งมันเป็นความสำคัญระหว่างประเทศ และรวมถึงภัยแล้งในปีนี้ที่ฝนตกน้อยลงกว่าเดิม ไม่ใช่ตนบอกว่าไม่ตกเลย เป็นสิ่งที่เราบังคับไม่ได้ ทำให้ปริมาณน้ำลดลง ซึ่งเราได้หารือร่วมกันภายใต้กรอบความร่วมมือแม่น้ำโขงของประเทศสมาชิก เราคงพูดปากเปล่าไม่ได้ เพราะมีพันธสัญญา

พล..ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องคนว่างงานแนวโน้มปี 63 ยังอยู่ในระดับไม่น่ากังวลมากนัก เพราะเราต้องเทียบอัตราว่างงานในปี 62 ซึ่งมีแรงงานทั้งสิ้น 38.2 ล้านคน มีผู้ว่างงาน 3.8 แสนคนก็ต้องไปดูเขาว่างงานตรงไหน มีฝีมือตรงความต้องการตลาดหรือไม่ คนที่ว่างงานเราก็ดูแลตรงนี้ จากสถิติสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุปี 62 จำนวนผู้ว่างคนคือกลุ่มนักศึกษาจบใหม่ 193,800 คน ซึ่งน้อยกว่าปีก่อนหน้าก็ต้องไปดูว่าที่ตกงานเพราะจบมาสาขาใด บางสาขาอาจไม่มีงานทำ ตนก็ได้ให้กระทรวงศึกษาธิการไปดูว่า สาขาใดที่ตลาดต้องการ ในเดือนม..-..62 มีการอนุมัติส่งเสริมการลงทุน 1,074 โครงการ สร้างงานให้คนไทย 59,052 ตำแหน่ง สะท้อนให้เห็นว่าโรงงานหลายแห่งมีความต้องการแรงงานจำนวนมาก แต่ก็ต้องเป็นไปตามที่เขาต้องการ จึงจำเป็นต้องพัฒนาสาขาอาชีวะ และสาขาที่มีงานทำแน่นอนวันนี้กระทรวงแรงงานมีตำแหน่งว่างงาน 34,626 อัตราต้องไปดูที่ว่างงานตรงความต้องการหรือไม่ ถ้าไม่ตรงให้ฝึกเรียนหลักสูตรระยะสั้น จะได้รับเข้าทำงานได้ วันนี้เรามีการเสริมสร้างฝึกทักษะแรงงานใหม่ให้ทำงานได้ด้วย 

นายกฯ กล่าวว่า เศรษฐกิจถดถอย สถานการณ์หนี้ครัวเรือน รัฐบาลมีมาตรการต่างๆเข้าไปแก้ไข ถึงแม้หนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูงแต่ยังทรงตัว ถ้าเป็นข้อมูลย้อนหลังแต่ปี 51 หลายรัฐบาลมา กราฟต่ำเตี้ยมาตลอดและมาขึ้นตอนปลายๆ ก็ไม่รู้รัฐบาลไหนเหมือนกัน ตนไม่อยากไปกล่าวอ้างตรงนี้ ทั้งนี้ถึงแม้ว่าวันนี้จะทรงตัว ซึ่งหนี้ครัวเรือนตอนนี้เป็นหนี้ที่สะสมสินทรัพย์ ทั้งนี้ เราให้ความสำคัญและแก้ไขปัญหาในส่วนของหนี้บัตรเครดิต หนี้ส่วนบุคคล ส่วนนี้ก็ต้องมาพิจารณาว่าเราจะอยู่กันได้อย่างไร เศรษฐกิจพอเพียงอยู่ตรงไหน ใช้เงินมีเหตุมีผลพอประมาณ ที่บางครั้งบอกว่าเศรษฐกิจล้มก็ต้องไปดูว่าจะต้องลงทุนขนาดไหน บางครั้งก็ใช้การลงทุนมากเกินกำลังตัวเอง ทำให้เกิดปัญหาตามมาเมื่อเทียบหนี้ครัวเรือนของไทยกับต่างประเทศของไทยอยู่ที่ร้อยละ 79 แต่ของเกาหลีใต้ แคนดานา ยูโรโซน นอร์เวย์เนเธอร์แลนด์และออสเตรเลีย มีหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีมากกว่าร้อยละ 95 ที่ตัวเลขของเขาสูงเพราะมีการพัฒนาสูง รายได้ประเทศมาก มีกำลังในการชำระหนี้

พล..ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ในเรื่องของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ขอย้ำอีกครั้งว่าเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิต ให้ทุกคนมีรายได้ สามารถซื้อของใช้จำเป็นและไม่ใช่ซื้อเฉพาะร้านธงฟ้าเท่านั้น มีการปลดล็อค ร้านค้าโชว์ห่วยซึ่งจะได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ด้วย ซึ่งในอดีตร้านค้าเหล่านี้ขายสินค้าได้น้อยจนต้องปิดกิจการไป แต่เมื่อโครงการนี้เกิดขึ้นร้านค้าโชว์ห่วยเล็กๆที่เข้าร่วมโครงการก็สามารถขายสินค้าได้เพิ่มเติม

นายกฯ กล่าวว่า ปัจจุบันมีร้านธงฟ้าประชารัฐ 86,784 ร้านค้าทั่วประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้มีรายได้น้อย14.6 ล้านคนและการใช้จ่ายผ่านร้านค้าเช่น Big C หรือ Lotus และเซเว่นอีเลฟเว่น มีสัดส่วนต่ำมาก เฉลี่ยเพียง 0.03 % ส่วนมาตรการชิม ช้อป ใช้ ประชาชนได้รับประโยชน์ มีทั้งรายได้หมุนเวียน แรงงาน ค่าจ้าง โดยมีการประเมินข้อมูลถึงวันที่ 26 มกราคม 2563 ประชาชนได้รับสิทธิรวมทั้งหมด 14 ล้านคน มียอดการใช้สิทธิ 11 ล้านราย มียอดใช้จ่ายทั้งหมด 28,493 ล้านบาท มีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการนี้ทั้งหมดกว่า 176,000 ร้าน 

นายกฯ กล่าวว่าข้อกล่าวหาว่าเศรษฐกิจถดถอยสาเหตุเพราะจีนเปิดร้านค้าออนไลน์เสรีทำให้ธุรกิจ sme ขาดทุน ร้านค้าไม่สามารถปรับตัวให้อยู่รอดได้ เรื่องเหล่านี้ตนเคยชี้แจงไปแล้วว่าการจะให้ธุรกิจอยู่รอดได้ทุกคนจะต้องมีการปรับเปลี่ยน รัฐบาลก็มีแนวทางในการอบรมให้การเรียนรู้แต่ถ้าไม่เข้ามาพัฒนาร่วมกันก็ไปไม่ได้

ถ้าให้อย่างเดิม คือช่วยทุกอย่างก็จะเหมือนอย่างที่ท่านพูดคือยาชาหรือเป็นยาพิษด้วยซ้ำไป ดังนั้นเราต้องร่วมมือพัฒนา ร่วมกัน ด้วยการปฏิรูปโดยเฉพาะต้องพัฒนาเป็นร้านค้าออนไลน์ให้มากขึ้นทั้งสหกรณ์วิสาหกิจชุมชนแม้รัฐบาลจะมีกองทุนต่างๆแต่ยังไปไม่ทั่วถึง ที่ผ่านมายังทำได้ไม่ครบถ้วนและสิ่งที่พูดมาผมพยายามที่จะฟังและจดทุกเรื่องแต่ก็ตอบไม่ไหว อย่างเรื่องของอ้อยที่ระบุว่ามีการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุน เดี๋ยวจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงนายกฯกล่าว

พล..ประยุทธ์ กล่าวต่อว่าเรื่องการใช้มาตรา 44 วันนี้เราเลิกใช้ไปนานแล้วเกือบปีและหลายอย่างได้ยกเลิกไปแต่หลายอย่างเป็นกฎหมายสำคัญตรงไหนที่ยังใช้ประโยชน์อยู่ก็ทำไป ส่วนการไล่ประชาชนออกนอกพื้นที่ ยืนยันว่าไม่ได้ไล่ออกทั้งหมดเว้นแต่พื้นที่ป่า อุทยานพื้นที่อุทยานรวมทั้งเรื่องของเสรีภาพ

ยืนยันว่าผมไม่เคยไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของใครเว้นแต่บางช่วงเวลามีความจำเป็นอย่างเช่นช่วงแรกๆที่เข้ามาก็มีความจำเป็น ทุกคนก็เห็นอยู่แล้วว่ามีความรุนแรงเกิดขึ้น ที่ไหน อย่างไร เรามีบทเรียนอยู่แล้ว จะให้มีเสรีภาพแบบไร้ขีดจำกัดมันไม่ได้ต้องคำนึงถึงกฎหมายเราจะดูเพียงรัฐธรรมนูญฉบับเดียวไม่ได้จะต้องดูกฎหมายลูกกฎหมายประกอบ อีกหลายพันฉบับ สิทธิเสรีภาพการชุมนุมเสรีภาพจะต้องไม่ไปกระทบกับผู้อื่นรวมทั้งปัญหาการจราจร การทุจริตทำให้เกิดความแตกแยก เรามีกฎหมายทุกฉบับขอความกรุณาให้ระมัดระวังด้วย