“บิ๊กตู่”สั่งปรับปรุงการทำงาน ครม. เศรษฐกิจ

  • นำเรื่องเศรษฐกิจฐานราก-กลุ่มเกษตรกรมาหารือ
  • พร้อมดูแลคนตกงานจำนวนมากด้วย
  • ชี้การทำงานของรัฐบาลครบคลุมหลายมิติ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีการหารือเกี่ยว กับการประชุมของคณะรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ว่าควรให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจฐานราก และเศรษฐกิจกลุ่มเกษตรกรต่างๆ รวมถึงแรงงานตกงานว่า จะมีแนวทางการแก้ปัญหาอย่างไรบ้าง เพราะการแก้ไขปัญหามีหลายมิติที่เกี่ยวข้องและต้องหารือร่วมกัน จึงสั่งให้มีการปรับปรุงการทำงานของ ครม.เศรษฐกิจ เพื่อให้ครอบคลุมในหลายๆ มิติ เนื่อง จากเศรษฐกิจต้องเดินหน้าไปด้วยกัน ทั้งเรื่องลงทุนในประเทศและต่างประเทศ การท่องเที่ยว โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เนื่อง จากการลงทุนของรัฐบาลมีหลายอย่าง ทั้งในส่วนงบประมาณภาครัฐและงบประมาณรัฐวิสาหกิจ ซึ่งจำเป็นต้องเร่งการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเป็นไตรมาสสุดท้ายปีนี้ เพื่อส่งต่อไปยังไตรมาสที่ 1 ของปีหน้า

นอกจากนี้ รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับอีกหลายกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น การค้าออนไลน์ ก็ได้เร่งรัดดำเนินการใช้เทคโนโล ยีเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน ซึ่งทุกคนก็ต้องร่วมมือกันด้วย ไม่เช่นนั้น ถ้ารัฐบาลออกอะไรไปก็ทำไม่ได้ทั้งหมด ทั้งนี้ ในเรื่องของแรงงาน ต้องเน้นในเรื่องการเพิ่มทักษะ โดยในเรื่องของการตกงานนั้น ยอมรับว่า มีการปลดคนงานออกอยู่บ้างประมาณ 1,000 โรงงาน แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีโรงงานที่เกิดขึ้นใหม่อีกกว่า 2,800 แห่ง

ดังนั้น ต้องไปพิจารณาในรายละเอียดของโรงงานที่เลิกจ้างพนักงาน เพราะอะไร ส่วนโรงงานใหม่ที่เพิ่งตั้งขึ้นมาจะรับพนักงานไปทำหรือไม่ แล้วคนที่ตกงานจะทำอย่างไร ก็ต้องพิจารณาในรอบคอบ

ด้านนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้มีการปรับเปลี่ยนรูป แบบการทำงาน ครม.เศรษฐกิจใหม่ โดยให้ความสนใจเศรษฐกิจฐานรากมากขึ้น โดยนำแผนงานที่อยู่ในแต่ละกระทรวง หากอะไรที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ หรือเพื่อบรรเทาภาระกับประชาชนและผู้ประกอบการ ก็สามารถนำมาหารือในที่ประชุมได้ ครม.เศรษฐกิจไทย

นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.ยังได้รับภาวะเศรษฐกิจไทย ไตรมาสที่ 3 ตามที่สํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงข่าว เมื่อวันที่ 18 พ.ย. โดยประมาณว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวได้ 2.6% อย่างแน่นอน เพราะเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 ขยายตัว 2.4% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตเนื่องจากไตรมาส 2

นอกจากนี้ยังมีเรื่องการท่องเที่ยว และ มาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลได้ออกไปแล้วเช่นโครงการชิม ช้อป ใช้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย ทำให้มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ปีนี้ ขยายตัวเกิน 2.8% ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยทั้งปี ขยายตัวได้ 2.6% และปีหน้าขยายตัวได้ 3.2% โดย เฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ การจับจ่ายใช้สอยของประชาชนที่ดีขึ้น การเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาล และการลงทุนของรัฐวิสาหกิจในช่วงก่อนสิ้นปีนี้ ที่มีงบลงทุนได้อีกประมาณ 100,000 ล้านบาท

ขณะที่การส่งออกคงขยายตัวได้อยาก เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน โดยกระทรวงการคลังประเมินแล้ว คาดว่า จะต้องมีมาตรการพิเศษเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีกรอบในช่วงปลายปีนี้.